เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 “ด่านโหย่วอี้กวาน” ด่านนำเข้าผลไม้แห่งสำคัญของจีนได้เปิดใช้งานอาคารประตูไม้กั้น (Truck Terminal) หลังใหม่ เป็นการช่วยเพิ่มจำนวนช่องตรวจรถบรรทุกสินค้าขาเข้า-ขาออก จากเดิมที่มีอยู่ 6 ช่อง (เข้า 3 ออก 3) เป็น 12 ช่อง (เข้า 6 ออก 6) เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า เพิ่มประสิทธิภาพการผ่านด่านศุลกากร และช่วยระบายรถสินค้าได้มากยิ่งขึ้น
อาคารประตูไม้กั้นเป็น “ช่องตรวจรถบรรทุกสินค้าขาเข้า-ขาออก” มีการติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกระบบดิจิทัล ระบบการตรวจปล่อยรถบรรทุกสินค้าที่ทันสมัยด้วยกล้องสำหรับการอ่านป้ายทะเบียน อ่านเลขตู้คอนเทนเนอร์แล้วส่งเข้าระบบประมวลผลได้ทันที ทำให้การตรวจปล่อยรถบรรทุกเป็นไปด้วยความรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที รวมทั้งยังช่วยให้การจราจรภายในด่านโหย่วอี้กวานเป็นระบบระเบียบมากขึ้นด้วย
ขณะที่กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของพนักงานขับรถบรรทุกข้ามแดนจีน ทำได้ง่ายเพียง 3 ขั้นตอน คือ รูดบัตรประจำตัว สแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ซี่งใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น
จากการติดตามนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ ที่ได้เดินทางลงพื้นที่ศึกษาศักยภาพของด่านโหย่วอี้กวานเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้สังเกตเห็นว่า ด่านโหย่วอี้กวานได้บริหารจัดการรถบรรทุก โดยแยกใช้เส้นทางสัญจรระหว่างรถบรรทุกที่มีสินค้ากับรถบรรทุกเปล่า ทั้งขาเข้าและขาออก สำหรับรถบรรทุกที่มีสินค้ายังคงผ่านเข้า-ออกที่ “อาคารประตูไม้กั้น” ขณะที่รถบรรทุกเปล่าจะแยกไปใช้ “อุโมงค์ระบายรถบรรทุก” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอาคารตรวจคนเข้าเมืองโหย่วอี้กวานกับอาคารประตูไม้กั้น (ฝั่งเวียดนามใช้ช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองหูหงิ)
นอกจากนี้ พบว่า การขุดเจาะภูเขาและปรับระดับผิวหน้าดินเพื่อขยายช่องทางเดินรถบริเวณพื้นที่กันชน (Buffer zone) ของด่านโหย่วอี้กวาน(กว่างซี) กับด่านหูหงิ(Huu Nghi Border Gate ของเวียดนาม) เพิ่มอีก 2 ช่องจราจรมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ปัจจุบัน ช่องทางเดินรถระหว่างด่าน 2 แห่งนี้มีอยู่ 4 ช่องจราจร และจะเพิ่มเป็น 6 ช่องจราจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและขยายปริมาณการรองรับรถบรรทุกผ่านด่านทั้งสองได้มากขึ้น โดยได้เริ่มงานขุดเจาะภูเขาและปรับระดับผิวหน้าดินแล้ว และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ซึ่งในอนาคตทั้งสองฝ่ายได้วางแผนที่จะขยายพื้นที่ช่องจราจรให้เป็น 14 ช่องจราจร (เข้า 7 ออก 7)
สถิติที่น่าสนใจพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 ด่านโหย่วอี้กวานมีสินค้าผ่านเข้า-ออกคิดเป็นน้ำหนักรวม 993,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 (YoY) มูลค่าการนำเข้า-ส่งออก 111,420 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 (YoY) แบ่งเป็นมูลค่าส่งออก 71,540 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.5 (YoY) สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ แบตเตอรี่ลิเธียม อุปกรณ์และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ สิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 39,880 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.8 (YoY) สินค้านำเข้ากว่าร้อยละ 80 เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรกล
นับตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 27 เมษายน 2567 ด่านโหย่วอี้กวาน มีปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกสะสม 138,000 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.3 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของด่านทางบกในเขตฯ กว่างซีจ้วง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกได้ทำสถิติรายวันสูงสุดที่ 1,900 คัน
ในส่วนของสถานการณ์การนำเข้า “ทุเรียน” พบว่า ไตรมาสแรกของปี 2567 มีทุเรียนนำเข้าผ่านด่านโหย่วอี้กวาน 48,000 ตัน คิดเป็นมูลค่านำเข้า 1,850 ล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ของด่านนำเข้าทุเรียนทั้งกว่างซี และข้อมูล ณ วันที่ 22 เมษายน 2567 พบว่า มีทุเรียนนำเข้าผ่านด่านโหย่วอี้กวานมากกว่า 1,100 ตู้
เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด่านโหย่วอี้กวานกำลังเร่งรัดการก่อสร้าง ‘ด่านอัจฉริยะ’ (Smart Border Gate) ในบริเวณด้านข้างลานตรวจสินค้าของด่านโหย่วอี้กวาน ซึ่งอยู่ภายใต้ “กรอบข้อตกลงว่าด้วยการร่วมผลักดันการก่อสร้างจุดนำร่องด่านอัจฉริยะ” ซึ่งเป็นสาขาความร่วมมือที่สำคัญภายใต้ความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) ระหว่างจีนกับเวียดนาม
เมื่อด่านอัจฉริยะเริ่มใช้งาน ด่านแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศเชื่อมโยงจีนและอาเซียนที่มีประสิทธิภาพสูง มีความได้เปรียบทั้งด้านเวลา ต้นทุนค่าใช้จ่าย และการบริการสินค้านำเข้า-ส่งออกได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้การฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนมีความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดน


ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงพีค (Peak) ของการนำเข้าผลไม้ผ่านด่านโหย่วอี้กวาน โดยเฉพาะทุเรียน เพื่อให้การผ่านพิธีการทางศุลกากรเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ด่านศุลกากรโหย่วอี้กวานได้ดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกในการดำเนินพิธีการศุลกากร อาทิ การเปิดช่องทางพิเศษสำหรับทุเรียนนำเข้า รถบรรทุกสินค้าผลไม้ที่ผ่านเข้าด่านโหย่วอี้กวานจะได้รับการตรวจเป็นลำดับแรก (First priority) และการสุ่มตรวจสินค้าให้ได้ผลอย่างรวดเร็วในห้องปฏิบัติการ
ตามรายงาน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ด่านโหย่วอี้กวานได้เปิดใช้ “ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสินค้าเกษตรและงานตรวจสอบโรคและแมลงศัตรูพืช” ภายในด่านโหย่วอี้กวาน โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจกักกันโรคและแมลงศัตรูพืชได้ทันที (เดิมที ใช้วิธีการตรวจสอบแบบทางไกลและการส่งตัวอย่างไปตรวจในห้องปฏิบัติการนอกด่าน) ช่วยลดระยะเวลาการตรวจสอบจากเดิม 2-3 วันเหลือเพียง 1 วัน บรรลุเป้าหมายการทำงานแบบ “ถึงปุ๊บ ตรวจและปล่อยปั๊บ”
ทั้งนี้ ศุลกากรแห่งชาติจีนกำหนดอัตราการสุ่มตรวจ “ทุเรียนไทย” ที่ร้อยละ 30 ขณะที่ทุเรียนเวียดนามจะต้องสุ่มตรวจ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในลานตรวจสินค้าจะมีช่องตรวจจำนวน 72 ช่อง และสำรองให้เฉพาะสำหรับตรวจสินค้าทุเรียนไทย และเวียดนาม จำนวน 10 ช่อง
จากข้อมูลข้างต้น มีการประเมินว่า ปัจจุบัน “ด่านโหย่วอี้กวาน” ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการนำเข้าผลไม้ไทยในฤดูผลไม้ที่กำลังทยอยออกสู่ตลาด อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าจีนจะต้องติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การจราจรบริเวณด่านโหย่วอี้กวาน-ด่านหูหงิ อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาการจราจรแออัด
ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง / จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
แหล่งข้อมูล
(1) เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com.cn (中国新闻网) วันที่ 26, 28 เมษายน 2567 และ 1 พฤษภาคม 2567
(2) หนังสือพิมพ์ Guangxi Daily (广西日报) วันที่ 26 มีนาคม 2567
(3) การลงพื้นที่สำรวจด่านโหย่วอี้กวาน เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์