พลังงานไฟฟ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ หลายประเทศจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการไฟฟ้า เช่นเดียวกับนครฉงชิ่งที่ให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ของนครฉงชิ่ง โดยกำหนดให้สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 4,500 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการใช้ถ่านหิน 1.4 ล้านตันต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 261 ตันต่อปี
ตำบลเสียนอี้ อำเภอเฉิงโข่ว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของนครฉงชิ่ง ได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองระบบนิเวศไฟฟ้าโซลาร์เซลล์” โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปนครฉงชิ่ง และสำนักงานพลังงานนครฉงชิ่ง ได้กำหนดให้ ตำบลเสียนอี้เป็น “เขตสาธิตพลังงานสะอาดและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร” สนับสนุนการพัฒนาด้านโซลาร์เซลล์ และการศึกษา วิจัย ค้นหาพลังงานสะอาดใหม่ ๆ
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์ในตำบลเสียนอี้เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการลงทุนในโครงการโซลาร์เซลล์บนหลังคาขนาด 500 กิโลวัตต์ โดยติดตั้งบนหลังคาอาคารโรงบำบัดน้ำเสียในหมู่บ้านต่าง ๆ ด้วยเงินลงทุน 2 ล้านหยวน และโครงการโซลาร์ฟาร์ม 3 แห่ง บริเวณพื้นที่โล่งที่ได้รับแสงแดดยาวนานตลอดทั้งวัน ด้วยเงินลงทุนกว่า 4 ล้านหยวน ซึ่งมีแผนจะติดตั้งในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2565
หลังจากที่ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 450,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ต่อปี และตลอดอายุการใช้งานจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 11.25 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถลดการใช้ถ่านหินได้ประมาณ 3,490 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 12,788 ตัน สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 250,000 หยวนต่อปี และประมาณ 6.2 ล้านหยวนตลอดอายุการใช้งาน (เทียบกับราคาไฟฟ้า 0.55 หยวน/กิโลวัตต์ชั่วโมง)
แนวโน้มการพัฒนาด้านพลังงานของนครฉงชิ่งจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในด้านพลังงานทางเลือก ในการพิจารณานครฉงชิ่งในฐานะพื้นที่ซึ่งกำลังปรับเปลี่ยนแหล่งพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดและมีความต้องการอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ไทยยังสามารถเรียนรู้และร่วมมือกับนครฉงชิ่งในการสร้างแหล่งผลิตพลังงานทางเลือกเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ หรือการผลิตไฟฟ้าด้วยขยะ ซึ่งจะทำให้สามารถลดการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศ ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ลดความเสี่ยงวิกฤติการณ์ขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมาแทนที่รถยนต์สันดาปในอนาคต