ในเวลานี้ทั่วโลกกําลังเฝ้าติดตามสงครามอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างใกล้ชิดจนสร้างความเดือดร้อนและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยอยู่ไม่น้อย ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายฝ่ายที่กําลังเป็นห่วงผลกระทบต่อเศรษฐกิจตนเองและโลกว่า สงครามครั้งนี้จะซ้ําเติมกับปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาจากรัสเซียและยูเครนที่ได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของหลายชาติมากน้อยเพียงใด
สําหรับในภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าของแคนาดา ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าเหตุรุนแรงระหว่างอิสราเอลและฮามาสจะมากระทบเศรษฐกิจแคนาดาขนาดไหน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อของการสู้รบนานเพียงใด และการเข้ามีส่วนร่วมจากชาติอื่นว่าจะขยายวงกว้างของความขัดแย้งขนาดไหน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ทางธนาคารฯ กําลังเฝ้าดูในขณะนี้ คือ ผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมผ่านทางราคาน้ํามันและสินค้าโภคภัณฑ์โลกมากกว่าผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศโดยตรง เพราะเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดา และอิสราเอลเองก็ไม่ใช่คู่ค้าลําดับต้นๆ ของแคนาดา
จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศ แสดงมูลค่าการค้ารวมแคนาดาและอิสราเอลใน 8 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 927,386,504 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอิสราเอลเป็นคู่ค้าลําดับที่ 50 ของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.12 ของการค้ารวมทั้งหมด โดยแคนาดาส่งออกไปอิสราเอลเป็นลําดับ 50 มีมูลค่า 192,459,004 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 0.05 และนําเข้าจากอิสราเอลเป็นลําดับที่ 40 มีมูลค่า 734,927,499 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยสัดส่วนการนําเข้าร้อยละ 0.22 เท่านั้น
อย่างไรก็ดี การสู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่ยังไม่ยุติ ย่อมส่งผลกระทบต่อนักลงทุนซึ่งมีความวิตกกังวลว่า หากสงครามยืดเยื้อต่อไปอาจมีผลต่อการผลิตน้ํามันของประเทศกลุ่มตะวันออกกลางได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการที่อิหร่านเข้าร่วมในความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นสัญญาณที่จะสามารถบ่งบอกถึงการหยุดชะงักของอุปทาน และมีแนวโน้มที่จะให้การสนับสนุนราคาน้ํามันมากขึ้น เนื่องจากอิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ํามันรายใหญ่อันดับห้าของโลก ซึ่งนอกจากประเด็นเรื่องน้ํามันแล้ว ผู้ว่าการธนาคารฯ ยังกล่าวถึงประเด็นเศรษฐกิจในแคนาดาที่ต้องกังวลเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อในระดับสูง และความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งหมายถึงว่า อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคชาวแคนาดาเพิ่มขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ในแคนาดายังไม่มีท่าทีแสดงความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของแคนาดามากนัก เมื่อเทียบกับความรุนแรงเหตุขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนก่อนหน้า เพราะเห็นผลกระทบทางการค้าอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของราคาพลังงานและราคาอาหารที่สูงขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงของโลก อย่างไรก็ดี การสู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาสนี้จะเอนเอียงความกังวลไปในทิศทางของการชุมนุมประท้วงด้านความชอบธรรมและความตกลงสันติภาพมากกว่าประเด็นทางการค้า ซึ่งหลายฝ่ายหวังจะไม่มีการเกิดเหตุบานปลายขึ้นในแต่ละพื้นที่ของแคนาดา และโลก อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการทางการค้าย่อมไม่ควรนิ่งเฉย แต่ควรติดตามสถานการณ์ทางการเมือง และ เศรษฐกิจการค้าที่เกี่ยวข้องทุกวัน และวิเคราะห์ผลกระทบรวมถึงแนวทางแก้ไขให้ทันต่อเหตุการณ์ได้
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์
เรียบเรียงโดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์