Monday, May 19, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home ทันโลก

อนาคตของอุตสาหกรรมการบินของสหภาพยุโรปในยุคเศรษฐกิจสีเขียว

23/01/2023
in ทันโลก, คมนาคม I โลจิสติกส์, ทวีปยุโรป, พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
0
อนาคตของอุตสาหกรรมการบินของสหภาพยุโรปในยุคเศรษฐกิจสีเขียว
0
SHARES
1.3k
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

อุตสาหกรรมการบินสำคัญอย่างไรต่อเศรษฐกิจอียู?

อุตสาหกรรมการบินมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งในด้านของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งสร้างรายได้กว่า 300 พันล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.1 ของ GDP ของอียู และยังเป็นแหล่งการจ้างงานกว่า 5 ล้านตำแหน่ง โดยบริษัท Airbus เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งผลิตทั้งเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินทหาร เฮลิคอปเตอร์และระบบดาวเทียม และจัดตั้งบริษัทย่อยและโรงงาน 180 แห่งทั้งในอียูและต่างประเทศ ซึ่งเมื่อปี ค.ศ. 2019 บริษัท Airbus มียอดขายเครื่องบินพาณิชย์รวมมูลค่าสูงที่สุดในโลก สามารถครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดการผลิตเครื่องบินพาณิชย์จากคู่แข่งตลอดกาลอย่างบริษัท Boeing ของสหรัฐฯ

ในปี ค.ศ. 2021 อียูผลิตเครื่องบินพาณิชย์กว่าร้อยละ 65 ของเครื่องบินใหม่ทั้งหมดในตลาดโลกและมีบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีศักยภาพด้านนวัตกรรมการบินที่ทันสมัย จึงทำให้อียูมีบทบาทสำคัญและภาระหน้าที่ในการเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนอุตสาหกรรมการบินสู่ความยั่งยืน มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมการบิน ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ มลพิษทางอากาศและมลพิษทางเสียง

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง?

ผลกระทบหลักจากอุตสาหกรรมการบินต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มลพิษทางอากาศและมลพิษทางเสียง ซึ่งอุตสาหกรรมการบินเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึงร้อยละ 2.5 ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดของโลก และเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่าร้อยละ 14 ของปริมาณการปล่อยก๊าซของภาคขนส่งของอียู โดยปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าประชากรอียูจำนวนมากที่พักอาศัยบริเวณใกล้สนามบินต้องเผชิญกับระดับมลพิษทางเสียงสูงและปริมาณมลพิษในอากาศที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการการปิดประเทศ ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินจากสนามบินในอียูและเขตเศรษฐกิจ EFTA ลดลงจาก 9.3 ล้านเที่ยวบินในปี ค.ศ. 2019 เหลือ 4.12 ล้านเที่ยวบินในปี ค.ศ. 2020 และ 5.07 ล้านเที่ยวบินในปี ค.ศ. 2021 แต่แนวโน้มในระยะยาว คาดว่าปริมาณเที่ยวบินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 12.2 ล้านเที่ยวบินภายในปี ค.ศ. 2050 หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการบิน จะส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเที่ยวบินสูงขึ้นถึง 188 ล้านตันภายในปี ค.ศ. 2050 อุตสาหกรรมการบินจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงแรงกดดันที่ต้องใช้มาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มงวดเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสรรหามาตรการอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

มาตรการที่ผ่านมาของอียูเพื่อลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคอุตสาหกรรมการบิน

อุตสาหกรรมการบินเป็นสาขาที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายที่สูง รวมทั้งอายุการใช้งานระยะยาวของเครื่องบิน ดังนั้น การที่จะเลิกใช้เครื่องบินเชื้อเพลิงฟอสซิลและเปลี่ยนสู่เครื่องบินไฟฟ้าหรือเครื่องบินไฮโดรเจน จะต้องผ่านการประเมินด้านศักยภาพและความปลอดภัยของเครื่องบินก่อนนำมาใช้งานจริงจึงเป็นความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมการบินที่ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้งานได้และใช้มาตรการอื่นเสริม เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ของอียู ขณะนี้อียูกำลังทำงานร่วมกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) เพื่อพัฒนามาตรการทางการตลาด (Global Market-Based Measure: GMBM) ด้วย

โดยมาตรการลดก๊าซคาร์บอนจากภาคอุตสาหกรรมการบินของอียูสามารถแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่

1) การพัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีสีเขียว มุ่งพัฒนาเครื่องบินที่สะอาดและไม่สร้างมลพิษทางเสียงเพื่อลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนงานวิจัยเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบบริการที่ทันสมัย ซึ่งโครงการวิจัยร่วม “Clean Sky” ของอียูได้วางเป้าหมายการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องบินปลอดมลพิษ ให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงร้อยละ 50 ต่อผู้โดยสารต่อกิโลเมตร ลดการปล่อยก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ลงร้อยละ 80 และมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีลดมลพิษทางเสียงที่มีประสิทธิภาพอย่างน้อย 10 EPNdB ต่อเที่ยวบินภายในปี ค.ศ. 2020

2) การปรับปรุงระบบการจัดการจราจรทางอากาศ กฎหมายตลาดการบินเดียวสหภาพยุโรป (Single European Sky: SES) ได้ปฏิรูประบบการจัดการจราจรทางอากาศของยุโรปให้ทันสมัยขึ้น โดยมีโครงการวิจัย SESAR เป็นความร่วมมือหลักทางเทคโนโลยีของ SES ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 จากปริมาณเดิมต่อเที่ยวบิน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบการจัดการจราจรทางอากาศ

3) การใช้มาตรการทางการตลาด อียูได้เริ่มใช้ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยคาร์บอน (EU Emission Trading System: EU ETS) สำหรับอุตสาหกรรมการบินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012 โดยบังคับใช้กับเที่ยวบินภายในอียู และเที่ยวบินที่มีจุดหมายปลายทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร ซึ่งหมายถึงต้นทุนการบินที่สูงขึ้น สายการบินดังกล่าวต้องซื้อสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน หากประสงค์ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกินโควต้าของใบอนุญาตการปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบให้เปล่า (free allowances) ที่ได้รับ

หากอียูสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ภายในปี ค.ศ. 2035 ตามที่วางแผนไว้ ประกอบกับการนำแหล่งพลังงานและเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำหรือเชื้อเพลิงปลอดคาร์บอนมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ไฮโดรเจนสะอาด หรือ เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการบินได้ในปริมาณที่มาก และคาดว่าจะเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้กลายเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2050

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ / คณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป

เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์

Previous Post

สิงคโปร์ พัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน “เทคโนโลยีควอนตัม”

Next Post

New South Wales ดึงดูดมันสมองกับโปรเจค Quantum Computing Commercialization

Globthailand

Globthailand

Next Post
New South Wales ดึงดูดมันสมองกับโปรเจค Quantum Computing Commercialization

New South Wales ดึงดูดมันสมองกับโปรเจค Quantum Computing Commercialization

Post Views: 2,586

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

จีนเปิดทางนำเข้าสุกรพันธุ์จากเดนมาร์ก กว่างซีชูสนามบินกุ้ยหลินเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ปศุสัตว์

จีนเปิดทางนำเข้าสุกรพันธุ์จากเดนมาร์ก กว่างซีชูสนามบินกุ้ยหลินเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ปศุสัตว์

19/05/2025
ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

ตอนที่ 2 : ปัจจัยความสำเร็จของ YRD ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 

15/05/2025
ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

15/05/2025
สถานการณ์เศรษฐกิจอาเซอร์ไบจาน ปี 2567 และแนวโน้ม ปี 2568 

สถานการณ์เศรษฐกิจอาเซอร์ไบจาน ปี 2567 และแนวโน้ม ปี 2568 

14/05/2025
Update! เศรษฐกิจสำคัญของรัฐไบเอิร์น เยอรมนี

Update! เศรษฐกิจสำคัญของรัฐไบเอิร์น เยอรมนี

14/05/2025
ครบรอบ 60 ปี! แห่งการก่อตั้งสิงคโปร์ 

ครบรอบ 60 ปี! แห่งการก่อตั้งสิงคโปร์ 

14/05/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X