ในมุมมองของ EU ด้านการปลูกพืชเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงและการผลิตพลาสติกชีวภาพ จำเป็นที่จะต้องใช้ที่ดิน น้ำ และ ทรัพยากรอื่น ๆ ในปริมาณมาก ซึ่งสินค้าอินทรีย์ดังกล่าวยังคงสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเชิงลบได้ และ อาจมีการบุกรุกป่า รวมถึงอาจก่อให้เกิดราคาพืชผลทางการเกษตรสำหรับอาหารสูงขึ้นตามมาอีกด้วย จึงทำให้ EU ได้เริ่มนำเกณฑ์ Risk of indirect land-use change (ILUC-risk) เข้ามาใช้ในกฎหมาย RED II ในปี ค.ศ.2018 ในส่วนของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งปัจจุบัน ในร่างกฎหมาย RED III ที่เพิ่งผ่านกระบวนการ ‘Trilogue negotiations’ เมื่อต้นปี ค.ศ.2023 ได้มีการกำหนดให้ทยอยเลิกใช้ (Phase-out) high ILUC-risk biofuels เช่น เชื้อเพลิงจากน้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์ความยั่งยืน (Sustainability criteria) ที่เข้มข้นมากขึ้นด้วย โดยครอบคลุมเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ ประกอบด้วย สิทธิแรงงาน สิทธิชนพื้นเมือง และ สิทธิชุมชุนท้องถิ่น
โดยมาตรฐานของ EU จะเน้น ส่งเสริมการแปลง ขยะอินทรีย์ (Organic waste) ให้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ หรือพลาสติกชีวภาพ เป็นหลัก ทั้งนี้ หากเป็นการใช้กากพืชที่ไม่ใช่ขยะก็จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ความยั่งยืนที่เข้มข้นของ EU ในข้างต้น
ในส่วนของ Biofuels ส่วนใหญ่จะมีการนำมาใช้ใน ภาคการขนส่ง โดยมีแนวโน้มที่จะมีการใช้ลดลงในรถยนต์ สืบเนื่องจากกฎหมาย EU ที่ห้ามจำหน่ายรถยนต์สันดาปใหม่ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2035 ซึ่งครอบคลุมการห้ามใช้ biofuels ด้วย อย่างไรก็ดี แนวโน้มการใช้ biofuels จะเพิ่มขึ้นในภาคการบิน เนื่องจากเป็นส่วนผสมใน Sustainable Aviation Fuel (SAF) ที่ EU สนับสนุน ตลอดจนการใช้ในภาคการขนส่งทางเรือ อีกด้วย
ในส่วนของ Bioplastics มีการออกนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดย EU ดังนี้
- 1) Single-use Plastics Directive ในปี ค.ศ. 2019 ห้ามใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น ภาชนะใส่อาหาร ถุงพลาสติก ช้อนส้อม และหลอด
- 2) ขณะนี้ EU อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก การให้ข้อมูลผู้บริโภค การกำจัดขยะ การขึ้นทะเบียนเคมีภัณฑ์ (REACH) ซึ่งจะมีข้อกำหนดที่เข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับนิยามของ Biodegradable ในการป้องกันการอ้างคุณสมบัติของ Bioplastics ที่ไม่ชัดเจน โดยต้องมีการระบุว่าสินค้ามีสัดส่วนของ Bio-based plastic ในปริมาณเท่าใด และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อรับรองว่าสินค้าดังกล่าวดีต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง
- 3) EU เห็นควรจำกัดการใช้ Biodegradable plastics ที่จะถูกทิ้งให้ย่อยสลายในพื้นที่เปิดไว้เพียงบางผลิตภัณฑ์เท่านั้น เช่น Mulch film ที่ใช้ในการเกษตร หรือ Dolly rope ที่ใช้ในการประมง โดยจะมีการกำหนดมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่อไป
- 4) สำหรับพลาสติกที่ถูกนำไปย่อยสลายในโรงงาน หรือ Compostable plastics นั้น EU ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาออกกฎหมายเพื่อบังคับให้ผลิตภัณฑ์บางประเภทใช้ Compostable plastics เท่านั้น เช่น ถุงชา แคปซูลกาแฟ ฉลากบนผักผลไม้ และถุงพลาสติกบาง ๆ
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนา (R&D) ของ EU ในด้านนวัตกรรม จึงเน้นการแปลงขยะอินทรีย์เป็นเชื้อเพลิง พลาสติก และ Sustainable Biofuels รวมทั้งการพัฒนาการย่อยสลายของ Bioplastics เทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการลดการใช้บรรจุภัณฑ์และพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง และ มลพิษจากไมโครพลาสติก เป็นต้น
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลล์ / คณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป (EU)
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์