เมื่อเดือน พ.ย. 2560 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอปรั บปรุงกฎระเบียบว่าด้ วยมาตรฐานการปล่อยก๊ าซของรถโดยสารส่วนบุคคลและรถตู้ ที่ผลิตใหม่ โดยเฉพาะการกําหนดเป้ าหมายการลดการปล่อยก๊าซ CO2 ให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี 2573 (เมื่อเทียบกับระดับของปี2564) และกําหนดมาตรการส่งเสริมการผลิ ตรถที่ไม่มีการปล่อยก๊าซหรือปล่ อยก๊าซต่ำ(Zero and Low Emission Vehicles:ZIEV) เช่น การผ่อนคลายเป้าหมายการลดการปล่ อยก๊าซสําหรับบริษัทผู้ผลิตที่ สามารถผลิตรถZLEV ได้เกินเป้าหมายรวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิ ภาพในการบังคับใช้กฎระเบียบ เช่นการวัดปริมาณการปล่อยก๊ าซจากการขับจริงแทนการทดสอบในห้ องปฏิบัติการ เป็นต้น [su_spacer size=”20″]
สาระสําคัญของมติแก้ไขร่ างกฎระเบียบ ENVI เสนอให้เพิ่มเป้ าหมายการลดการปล่อยก๊าซCO2 เป็นร้อยละ 20 ภายในปี 2558 และร้อยละ 45 ภายในปี 2573รวมทั้งกําหนดให้บริษัทผู้ผลิ ตรถเพิ่มสัดส่วน ตลาดของรถ ZLEV เป็นร้อยละ 20 ภายในปี 2568 และร้อยละ 40 ภายในปี 2573ตลอดจนต้องเริ่มใช้ระบบวัดปริ มาณการปล่อยก๊าซจากการขับจริ งภายในปี 2566 [su_spacer size=”20″]
โดยในขั้นตอนต่อไป ที่ประชุมสภายุโรปสมัยสามัญจะพิ จารณาร่างแก้ไขของENVI ในวันที่ 1 ต.ค. 2561
ก่อนส่งเรื่องกลับไปให้ คณะกรรมาธิการยุโรปปรับแก้ และเสนอคณะมนตรีแห่งสหภาพยุ โรปให้ความเห็นชอบร่วมกับสภายุ โรปโดยหากทั้ง 3ฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันก็จะเข้ าสู่กระบวนการเจรจา 3 ฝ่ายเพื่อหาข้อสรุป [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ รายใหญ่ต่างๆ เรียกร้องให้อียูผ่อนคลายเป้ าหมายการลดการปล่อยก๊าซเพื่อให้ เวลาภาคอุตสาหกรรมค่อยๆ ปรับจากการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่ องยนต์ชนิดสันดาปภายใน internal combustion engine) ไปเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยอ้างว่าการตั้งเป้าหมายที่สู งเกินไปจะส่งผลให้มีผู้ตกงานจํ านวนมาก [su_spacer size=”20″]
ซึ่งข้อเสนอของ ENVI จะนําส่วนหนึ่งของค่าปรับบริษั ทผู้ผลิตที่รถยนต์ปล่อยก๊าซเกิ นค่าเป้าหมายไปใช้ในการให้ ความช่วยเหลือคนงานที่ได้รั บผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวโดยคาดว่าจะมีแรงต่อต้านจากบริ ษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เหล่านี้ ผ่านประเทศสมาชิกบางประเทศเช่น เยอรมนี ในขั้นตอนการเสนอขอความเห็ นชอบจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป [su_spacer size=”20″]
สําหรับภาคเอกชนของไทยและหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิ จารณาเตรียมปรับตัวเพื่อรั บการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทั้งในแง่ส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ การผลิตโลกตลอดจนแนวโน้มตลาดรถยนต์ ของโลกที่น่าจะเปลี่ยนไปในทิ ศทางเดียวกับอียู [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์