Saturday, June 7, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home ทันโลก

สหราชอาณาจักรเผยแพร่แนวปฏิบัติสําหรับภาคเอกชนในกรณี “No Deal”

06/09/2018
in ทันโลก, ยุโรป
0
สหราชอาณาจักรเผยแพร่แนวปฏิบัติสําหรับภาคเอกชนในกรณี “No Deal”
0
SHARES
47
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

             หลังจากที่ EU ได้เผยแพร่เอกสาร Preparedness Noticesตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561เพื่อเป็นข้อมูลสําหรับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการเตรียมพร้อมสําหรับกรณี BREXIT ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ฝั่งสหราชอาณาจักรก็ได้ออกมาเผยแพร่เอกสารเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ภาคเอกชนเตรียมความพร้อมในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาข้อตกลงร่วมกับEU ได้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า กรณี “No Deal” (Guidance on how to prepare if the UK leaves the EU with no deal) โดยระบุแนวปฏิบัติในด้านต่าง ๆ เช่น การรับทุนวิจัย R&D ภายใต้ Horizon 2020การเกษตร แนวปฏิบัติสําหรับพืชGMOs ภาษีอุปกรณ์การแพทย์ การอุดหนุนโดยรัฐ (State Aid) การศึกษา สิทธิแรงงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้อ่านสามารถอ่าน รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.gov.uk/government/collections/how-to-prepare-ifthe-uk-leaves-the-au-with-hO-lea#Overview

[su_spacer size=”20″]

             เอกสาร Guidance on how to prepare if the UK leaves the EU with no deal มีสาระสําคัญที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้ [su_spacer size=”20″]

             1. ระบบศุลกากรและการค้า

             ·       การที่สหราชอาณาจักรออกจาก EU หมายความว่า สหราชอาณาจักรจะไม่ใช้มาตรการทางภาษีศุลกากรเดียวกันกับ EU อีกต่อไป โดยในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ การค้า ระหว่างสหราชอาณาจักรกับ EU จะใช้อัตราภาษีขาเข้าตามกรอบ MEN (Most-Favoured-Nation) โดยจะเรียกเก็บภาษีศุลกากร หรือค่าธรรมเนียมในการนําเข้าใด ๆ จากทุกประเทศในอัตราเดียวกัน ตามข้อผูกพันที่ต้องปฏิบัติภายใต้ความตกลงขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization – WTO)

             ·       สหราชอาณาจักรจะยังคงให้สิทธิพิเศษทางภาษีฝ่ายเดียว (Unilateral Preferences) กับประเทศกําลังพัฒนา และจะพิจารณาช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน (transition period) สําหรับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ FTAต่างๆ ที่จัดทําโดย EU

             ·       อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการค้าข้ามพรมแดนไอร์แลนด์-ไอร์แลนด์เหนือ [su_spacer size=”20″]

             2. ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

·       สินค้าที่นําเข้าจาก EU จะใช้ระบบเดียวกับสินค้าที่นําเข้ามาจากประเทศที่สาม

·       ยกเลิกกฎ Low Value Consignment Relief (LVCR)ดังนั้น สินค้าที่ส่งจาก EUมายังสหราชอาณาจักร ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 15 ปอนด์ จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการนําเข้า (import VAT) จากเดิมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

·       สินค้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 135 ปอนด์ ผู้ขายจะต้องลงทะเบียนกับ HM Revenue &Customs (HMRC) [su_spacer size=”20″]

             3. แนวปฏิบัติรายอุตสาหกรรม

             3.1 อุตสาหกรรมยาและอุปกรณ์การแพทย์

             ·       มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการยาจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ภาคเอกชนจะต้องเตรียมสั่งซื้อยาเพื่อเก็บสะสมในคลังสินค้า

             ·       หน่วยงาน Healthcare Products Regulatory Agency (MHRA) จะเป็นหน่วยงานที่กํากับดูแลสินค้าประเภทยา สินค้าเพื่อสุขภาพอื่น ๆ และอุปกรณ์การแพทย์ที่ขายในตลาดสหราชอาณาจักร โดยผู้ประกอบการที่ต้องการขายสินค้าดังกล่าวในสหราชอาณาจักรจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานMHRA

             3.2 อุตสาหกรรมการเงิน

             ·       การโอนเงินระหว่างสหราชณาจักรและ EU จะมีค่าใช้จ่ายในการโอนเพิ่มเติม และอาจใช้ระยะเวลานานขึ้น เพราะสหราชอาณาจักรจะไม่สามารถใช้ระบบการชําระเงินของ EU เช่นTARGET2 และ Single Euro Payments Area (SEPA) ได้

             ·       การชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EUอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพราะสหราชอาณาจักรจะไม่ได้อยู่ภายใต้กฎของ EUที่ผ่อนปรนค่าธรรมเนียมระหว่างประเทศ

             3.3 อุตสาหกรรมยาสูบ

             ·       กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินค้ายาสูบ คือTabacco and Related Products Regulations 2016 จะมีผลบังคับใช้แทนข้อบังคับเดิมของ EU (Tobacco ProductsDirective 2014/40/EUและ Tobacco Advertising Directive 2003/33/EC)

             ·       สหราชอาณาจักรจะออกแบบสัญลักษณ์แจ้งเตือนอันตรายจากบุหรี่ใหม่ เพราะสัญลักษณ์ปัจจุบันเป็นลิขสิทธิ์ของ EU

             3.4 สินค้าเกษตร

             ·       การส่งออกสินค้า GMOไปยัง EU จะต้องอยู่ในรายการสินค้าที่ได้รับอนุญาตจาก EU เท่านั้น

             ·       การส่งออกสินค้าอินทรีย์จากสหราชอาณาจักรไปยังEU จะต้องได้รับการรับรองจาก EU ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องใช้เวลาประมาณ 9 เดือน [su_spacer size=”20″]

             ทั้งนี้ เอกสารฉบับนี้จะใช้เป็นแนวปฏิบัติในกรณีที่สหราชอาณาจักรไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับ EU ได้เท่านั้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างเน้นย้ำที่จะบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนสหราชอาณาจักรออกจาก EU อย่างเป็นทางการในคืนวันที่ 29 มีนาคม 2562 โดยสหราชอาณาจักรได้ระบุในเอกสารว่า การออกจาก EU ในลักษณะ no deal นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ (unlikely) เพราะทั้งสองฝ่ายได้เจรจาข้อตกลงมาอย่างต่อเนื่องละสามารถเจรจาไปได้กว่า 80% แล้ว ขณะที่ทางฝั่ง EU ได้ออกแถลงการณ์ต่อการเผยแพร่เอกสารในครั้งนี้ว่า การออกจาก EU ของสหราชอาณาจักรส่งผลให้ธุรกิจและการค้าได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ก็ตาม ภาคเอกชนจึงควรเตรียมความพร้อม และเน้นย้ำว่า EU มีความตั้งใจที่จะบรรลุ ความตกลงกับสหราชอาณาจักรเช่นกัน [su_spacer size=”20″]

             อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งภายในพรรค conservative ของสหราชอาณาจักรส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเจรจา โดยหลังจากมีการเผยแพร่เอกสารดังกล่าว นาย Philip Hammond รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ได้ยื่นหนังสือถึงนางNicky Morgan ประธาน Treasury Select Committee ว่า หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จะส่งผลให้ GDP ของสหราชอาณาจักรลดลง 7.7% และจะทําให้สหราชอาณาจักรต้องกู้เงินเพิ่มมากขึ้นถึง 8 หมื่นล้านปอนด์ต่อปี ภายในระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ดี นาย Dominic Raab รัฐมนตรีExiting the European Union ตอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า การคาดการณ์ในหลาย ๆ กรณี ก็ไม่ได้กลายเป็นจริงตามคาดการณ์ นอกจากนี้ นาง Theresa Mayกล่าวว่า การออกจาก EU ในลักษณะ no deal ดีกว่าการบรรลุข้อตกลงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย (leaving EU without a deal is better than a bad deal) [su_spacer size=”20″]

             การเผยแพร่เอกสารดังกล่าวไม่ได้เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคเอกชนเท่าใดนักและยังเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ โดยสํานักข่าวIndependent รายงานปฏิกิริยาของภาคเอกชนในสหราชอาณาจักรว่า หลังจากที่สหราชอาณาจักรได้เผยแพร่เอกสารฉบับดังกล่าว ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐและยูโร โดยอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ ระดับ 1.2835 ดอลล่าร์สหรัฐ และ 1.1103 ยูโร เมื่อวันที่23 สิงหาคม 2561 ทั้งนี้ การเผยแพร่เอกสารฉบับนี้ ทําให้ภาคเอกชนไม่มั่นใจว่าสหราชอาณาจักรจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ อีกทั้งเอกสารดังกล่าวก็ไม่ได้ให้แนวทางที่ชัดเจนมากเพียงพอสําหรับภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะไม่ได้มีศักยภาพในการปรับตัวได้มากเท่าบริษัทขนาดใหญ่ [su_spacer size=”20″]

             อย่างไรก็ดี ล่าสุดท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับกระแส no dealวันที่ 29 สิงหาคม 2561 นายMichael Barnier หัวหน้าคณะเจรจาของ EU ให้ความเห็นว่า การเจรจาใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว โดยได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า รูปแบบข้อตกลงระหว่าง EU และสหราชอาณาจักรจะเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากข้อตกลงที่ EU เคยจัดทํากับประเทศที่สามมาก่อน โดยสหราชอาณาจักรจะต้องยอมรับกฎระเบียบที่เกี่ยวกับระบบตลาดเดียว (Single Market) ของ EU ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินปอนด์กลับมาแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.30 ดอลล่าร์สหรัฐ [su_spacer size=”20″]

             ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเจรจาของทั้งสองฝ่ายต่อไป โดยรัฐสภาสหราช อาณาจักรจะมีการประชุมปิดสมัยประชุมฤดูร้อนระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 3ตุลาคม 2561 รวมทั้งจะมีการ ประชุม EU Summit ระหว่างวันที่18 – 19 ตุลาคม 2561 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า อาจจะได้เห็นการบรรลุข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่าย [su_spacer size=”20″]

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์

Previous Post

ปฏิกิริยาในยุโรปจากกรณี GDPR และแนวปฏิบัติในการโอนข้อมูลมายังประเทศที่สามนอกเขต EU

Next Post

ข้าวยักษ์ (Giant Rice) : เกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ต้นแบบการเรียนรู้สำหรับเกษตรกรไทย

mackeyrisen

mackeyrisen

Next Post
ข้าวยักษ์ (Giant Rice) : เกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ต้นแบบการเรียนรู้สำหรับเกษตรกรไทย

ข้าวยักษ์ (Giant Rice) : เกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ต้นแบบการเรียนรู้สำหรับเกษตรกรไทย

Post Views: 341

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

จับตาตลาดกุ้งเครย์ฟิชจีน ช่องทางใหม่ของผู้ส่งออกไทย

จับตาตลาดกุ้งเครย์ฟิชจีน ช่องทางใหม่ของผู้ส่งออกไทย

06/06/2025
การซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างไทย-สิงคโปร์: โอกาสใหม่ในการลดก๊าสเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

การซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างไทย-สิงคโปร์: โอกาสใหม่ในการลดก๊าสเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

05/06/2025
นักวิจัยค้นพบ “เชื้อราทะเล” (Marine Fungi) ย่อยสลายพลาสติกในมหาสมุทรได้

นักวิจัยค้นพบ “เชื้อราทะเล” (Marine Fungi) ย่อยสลายพลาสติกในมหาสมุทรได้

05/06/2025
นครหนานหนิงเร่งสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้าน AI จีน-อาเซียน”

นครหนานหนิงเร่งสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้าน AI จีน-อาเซียน”

05/06/2025
ชวนศึกษาแผนพัฒนาประเทศบรูไน ฉบับที่ 12 (ปี ค.ศ. 2024 – 2029)

ชวนศึกษาแผนพัฒนาประเทศบรูไน ฉบับที่ 12 (ปี ค.ศ. 2024 – 2029)

06/06/2025
กาตาร์เดินหน้าพัฒนาเกาะธรรมชาติ สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศยั่งยืน

กาตาร์เดินหน้าพัฒนาเกาะธรรมชาติ สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศยั่งยืน

04/06/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X