เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่กฎระเบียบที่ 2018/1013 ใน Official Journal of the EU เกี่ยวกับการเริ่มใช้มาตรการคุ้มครองสินค้าเหล็กเป็นการชั่วคราว
[su_spacer size=”20″]
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบจากสินค้าเหล็กที่อาจทะลักเข้ามาในตลาดอียูจากการที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเพิ่มเติม โดยอียูจะเก็บภาษีสินค้าเหล็ก 23 รายการในอัตราร้อยละ 25 ในลักษณะ Tariff Rate Quota กล่าวคือ จะเก็บภาษีดังกล่าวเฉพาะกับสินค้าเหล็กที่เกินจากปริมาณการนำเข้าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอียูจะกำหนดโควตาตามลำดับก่อนหลังของการขออนุญาตนำเข้า (first come first serve) ปัจจุบันจึงยังมิได้กำหนดโควตาสำหรับแต่ละประเทศ[su_spacer size=”20″]
อียูจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับทุกประเทศยกเว้นประเทศในเขตเศรษฐกิจ EEA (นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) รวมทั้งประเทศกำลังพัฒนาที่มีการส่งออกมายังอียูต่ำกว่าร้อยละ 3 ของการนำเข้าสินค้าเหล็กแต่ละรายการ[su_spacer size=”20″]
สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ (สพต.) ณ กรุงบรัสเซลส์ แจ้งว่า ไทยได้รับการยกเว้นการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวตามข้อเรียกร้องของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า ไทยมีการส่งออกมายังอียูต่ำกว่าร้อยละ 3[su_spacer size=”20″]
มาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 และอาจมีผลบังคับใช้มากสุด 200 วัน โดยหลังจากนี้ฝ่ายต่าง ๆ สามารถแจ้งข้อคิดเห็นไปยังคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อพิจารณาประกอบการติดตามสถานการณ์การนำเข้าเหล็กก่อนตัดสินใจครั้งสุดท้ายภายในต้นปี 2562 ซึ่งอาจมีการประกาศใช้มาตรการคุ้มครองแบบแน่นอน (definitive measures) ต่อไป[su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ / คณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป