Saturday, June 14, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home ทันโลก

ยุทธศาสตร์พลาสติกฉบับใหม่ของ EU และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลาสติกไทย

08/05/2018
in ทันโลก, ยุโรป
0
ยุทธศาสตร์พลาสติกฉบับใหม่ของ EU และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลาสติกไทย
0
SHARES
61
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

            “อียูจําเป็นต้องพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้าพลาสติกให้ได้มาตรฐานสูงสุด เพราะสุดท้ายแล้วผลประโยชน์จะตกอยู่กับผู้ที่มีมาตรฐานสูงที่สุด ส่วนหนึ่งของบทสรุปการเสวนา “Plastics Strategy: Challenges and opportunities for Recycling” รายงานโดยสํานักข่าว Euractiv ซึ่งทีมงาน Thaieurope.net ได้เข้าร่วมเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ยิ่งตอกย้ำ ความตั้งใจของอียูในการเป็นผู้นําด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม[su_spacer size=”20″]

            เรื่องของพลาสติกกับสิ่งแวดล้อม น่าจะเป็นเรื่องที่จะยิ่งได้รับการสนใจเรื่อย ๆ หลังจากที่จีนได้ประกาศยกเลิกการนําเข้าขยะพลาสติกที่มีความปนเปื้อนสูงตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม 2561 ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสําคัญ” ที่ทําให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของอียูยิ่งตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกเพิ่มมากขึ้น เพราะนั่นหมายความว่า อียูจะต้องหาวิธีจัดการกับขยะพลาสติกให้ได้ตามมาตรฐาน หรืออาจจะต้องหาตลาดใหม่เพื่อรองรับขยะพลาสติก ที่ปัจจุบันอียูส่งออกไปจีนถึง 1.6 ล้านตันต่อปี[su_spacer size=”20″]

            ด้วยเหตุนี้ การหามาตรการป้องกันการเกิดขยะพลาสติก พร้อมทั้งการแสวงหาวัตถุดิบทางเลือกแทน การผลิตพลาสติกใหม่ (virgin plastics) จึงกลายเป็น 2 มาตรการหลักที่อียูให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลด ปริมาณขยะพลาสติกภายในอียู และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมพลาสติก ภายใต้ ยุทธศาสตร์พลาสติกฉบับใหม่ (European Strategy for Plastics in a Circular Economy) ที่อียูเพิ่ง ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561[su_spacer size=”20″]

            ยุทธศาสตร์พลาสติกในยุคอุตสาหกรรม 4.0 : เน้นลดขยะ สร้างนวัตกรรมหาวัตถุดิบทดแทน

            ตั้งแต่ปี 2558 อียูได้ผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งหมายถึงการเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มตั้งแต่การผลิต การบริโภค และการกําจัดของเสียหลังจากสินค้าหมดอายุการใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจว่า ยุทธศาสตร์พลาสติกฉบับใหม่นี้ก็ใช้หลักการเดียวกันในการกําหนดทิศทางอุตสาหกรรมพลาสติกที่มีความสําคัญต่อเศรษฐกิจของอียูมาก เป็นลําดับที่ 7 โดยมีมูลค่ามากถึง 3.5 แสนล้านยูโรในปี 2559[su_spacer size=”20″]

            อียูจึงตั้งเป้าประสงค์หลักในการลดปริมาณขยะพลาสติกควบคู่ไปกับการผลักดันการพัฒนานวัตกรรม ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาวัตถุดิบทางเลือกอื่นๆ หรือการใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น[su_spacer size=”20″]

            ทั้งนี้ เพราะอียูกําลังตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติกภายในอียู ที่มีปริมาณมากถึง 25.8 ล้านตันต่อปี ซึ่งส่วนมากเป็นพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียว (single-use plastics) ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น ถุงพลาสติก จานและแก้วพลาสติก ช้อน-ส้อมพลาสติก และหลอดเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยพลาสติกเหล่านี้ส่วนใหญ่ผลิตจากปิโตรเลียมและมักกลายเป็นขยะในทะเล (Marine Litter) บางส่วนอาจแตกสลายเป็นเศษพลาสติกชิ้นเล็กๆ (เล็กกว่า 5 มิลลิเมตร) หรือไมโครพลาสติก (Microplastics) ซึ่งจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำและอากาศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากเข้าสู่ร่างกาย[su_spacer size=”20″]

            และการที่จีนประกาศห้ามนําเข้าขยะพลาสติก (พิกัด 3915) ที่มีค่าความปนเปื้อนมากกว่า 0.5% ซึ่ง หลายฝ่ายมองว่า เป็นการปรับระดับที่หลายประเทศ รวมถึงอียู ไม่น่าจะทําตามข้อกําหนดได้ และอาจต้องหาตลาดใหม่รองรับขยะเหล่านี้ ซึ่งหมายความว่า บริษัทที่นําเข้าสินค้าจากจีนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มมากขึ้นจากเดิม เพราะบริษัทขนส่งมักจะยอมลดราคาเพื่อขนขยะเหล่านี้เป็นสินค้าเที่ยวกลับ แทนที่จะขนคอนเทนเนอร์เปล่ากลับหลังจากส่งสินค้าออกจากจีนไปยังยุโรป[su_spacer size=”20″]

            อย่างไรก็ดี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลาสติกภายในอียูที่มากถึง 49 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะ พลาสติกประเภทบรรจุภัณฑ์ที่มีความต้องการมากที่สุดถึงกว่า 40% อียูจึงต้องผลักดันนวัตกรรมที่ใช้วัตถุดิบ ทางเลือกมากขึ้น เช่น พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) หรือพลาสติกรีไซเคิล (recycled plastics) ที่ปัจจุบันถูกนํามาใช้ในการผลิตถุงและขวดพลาสติกเพิ่มขึ้นด้วย[su_spacer size=”20″]

            ผู้ประกอบการไทยจับตามาตรการสิ่งแวดล้อมสําหรับพลาสติกส่งออก[su_spacer size=”20″]

            จะเห็นได้ว่า ยุทธศาสตร์พลาสติกของอียูฉบับนี้ให้ความสําคัญกับปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นอันดับแรก โดยมีหลักการสําคัญคือ การลดการใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (singleuse packaging) การส่งเสริมให้ใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถนํากลับมาใช้ใหม่หรือสามารถรีไซเคิลได้ง่าย[su_spacer size=”20″]

            สําหรับประเทศไทย สถิติจากสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระบุว่า บรรจุภัณฑ์จากพลาสติก เช่น กล่องหรือหีบ กระสอบและถุง (พิกัด 3923) เป็นประเภทสินค้าพลาสติกที่ไทยส่งออกไปยังอียูมากที่สุด โดยในปี 2560 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 3.4 พันล้านบาท ดังนั้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงต้องให้ความสําคัญกับคุณภาพสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติของสินค้าที่ต้องสามารถนํากลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ หรืออาจเลือกใช้พลาสติกชีวภาพในการผลิตพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะอียูมีท่าทีอย่างชัดเจนว่า อียูเลือกที่จะ “ปิดประตู” สําหรับพลาสติกคุณภาพต่ำและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม[su_spacer size=”20″]

            ปัจจุบัน อียูมีกฎหมายเฉพาะสําหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก คือ ข้อบังคับเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และของเสียที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ฉบับใหม่ (Directive (EU) 2015/720 on Packaging and Packaging Waste) ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2558[su_spacer size=”20″]

            ข้อบังคับฉบับใหม่นี้มีประเด็นสําคัญ คือ การบังคับให้ประเทศสมาชิกต้องมีมาตรการคิดเงินค่า ถุงพลาสติก ณ จุดขาย สําหรับถุงพลาสติกที่มีความหนาน้อยกว่า 50 ไมครอน (หรือ 0.05 มิลลิเมตร) หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในชื่อ“ถุงก๊อบแก๊บ” ภายในปี 2561 และต้องจํากัดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกประเภทดังกล่าว ไม่เกิน 90 ใบต่อคนต่อปี ภายในปี 2562 และ 40 ใบต่อคนต่อปี ภายในปี 2568[su_spacer size=”20″]

            ซึ่งข้อบังคับดังกล่าวทําให้หลายประเทศในอียูได้ทยอยประกาศยกเลิกการใช้ถุงและบรรจุภัณฑ์ พลาสติกบางประเภทแล้ว เช่น ฝรั่งเศสประกาศยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 และบรรจุภัณฑ์พลาสติกสําหรับผักและผลไม้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ส่วนกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ได้ประกาศยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ในขณะที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตข้ามชาติขนาดใหญ่ของยุโรป อย่างห้าง Aldi ก็ได้ประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวตั้งแต่ปี 2560 และหันมาใช้ถุงกระดาษและถุงพลาสติกรีไซเคิลแทน เป็นต้น[su_spacer size=”20″]

            อย่างไรก็ดี อียูยังมีแผนที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมภายในเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อจํากัดการใช้ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวประเภทอื่น ๆ อีก เช่น ก้นกรองบุหรี่ ขวดและฝาขวดน้ำดื่ม ก้านไม้พันสําลี ผ้าอนามัย ถุง/กระเป๋า บรรจุภัณฑ์ห่อขนมขบเคี้ยว หลอดและที่คนกาแฟ บอลลูนและก้านพลาสติกบอลลูน ผลิตภัณฑ์ บรรจุอาหาร ถ้วยพลาสติกและฝาถ้วย รวมถึงช้อนและส้อมพลาสติก รวมทั้งจะพิจารณาแก้ไขระเบียบเรื่อง Ecodesign เพื่อเพิ่มเงื่อนไขให้สินค้าที่มีส่วนประกอบของพลาสติกต้องสามารถรีไซเคิลได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ประกอบการสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องนี้ได้ทางเว็บไซต์ thaieurope.net [su_spacer size=”20″]

            ในเมื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างจีนและอียูต่างก็ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากขยะพลาสติกและมีนโยบายลดการใช้พลาสติกออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจถึงเวลาที่อุตสาหกรรมพลาสติกของไทยจึงต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสินค้าและบรรจุภัณฑ์ต้องมีคุณสมบัติที่สามารถนํากลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ หรือเลือกใช้วัตถุดิบทางเลือกจากธรรมชาติอย่างพลาสติกชีวภาพมากยิ่งขึ้น โดยคอลัมน์ EU Watch ฉบับหน้าจะมาคุยกันต่อเกี่ยวกับทิศทางพลาสติกชีวภาพในตลาดอียูและโอกาสสําหรับอุตสาหกรรมพลาสติกไทย[su_spacer size=”20″]

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์

 

Previous Post

ฉงชิ่ง มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก พร้อมตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์

Next Post

EU กำหนดแผนสุ่มตรวจหาสารปราบศัตรูพืชตกค้างในสินค้าอาหารประจำปี 2561 – 2563

mackeyrisen

mackeyrisen

Next Post
EU กำหนดแผนสุ่มตรวจหาสารปราบศัตรูพืชตกค้างในสินค้าอาหารประจำปี 2561 – 2563

EU กำหนดแผนสุ่มตรวจหาสารปราบศัตรูพืชตกค้างในสินค้าอาหารประจำปี 2561 – 2563

Post Views: 659

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

จีนเปิดเที่ยวบินคาร์โก้เชื่อมกุ้ยหยาง–กรุงเทพฯ ส่งเสริมโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน

จีนเปิดเที่ยวบินคาร์โก้เชื่อมกุ้ยหยาง–กรุงเทพฯ ส่งเสริมโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน

14/06/2025
Active packaging: โซลูชันลดสารปรอทในปลาทูน่ากระป๋อง

Active packaging: โซลูชันลดสารปรอทในปลาทูน่ากระป๋อง

12/06/2025
เกาหลีใต้เปิดตัวแผนสร้างเรือบรรทุกไฮโดรเจนเหลวใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2570

เกาหลีใต้เปิดตัวแผนสร้างเรือบรรทุกไฮโดรเจนเหลวใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2570

12/06/2025
กัมพูชาจัดพิธีต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินเอมิเรตส์ที่เมืองเสียมราฐ

กัมพูชาจัดพิธีต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินเอมิเรตส์ที่เมืองเสียมราฐ

12/06/2025
เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์กับความทนทานต่อค่าเงินแข็ง

เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์กับความทนทานต่อค่าเงินแข็ง

11/06/2025
Update! สถานการณ์เศรษฐกิจเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

Update! สถานการณ์เศรษฐกิจเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

09/06/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X