เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2563 อียูได้ออกรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจอียู ประจำฤดูใบไม้ผลิ 2563 โดยตั้งชื่อรายงานว่า “A deep and uneven recession, an uncertain recovery” การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจอียูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
[su_spacer]
อียูคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคจะหดตัว 7.4% ในปี 2563 (จากคาดการณ์เดิมว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.4%) และกลับมาขยายตัว 6.1% ในปี 2564 นอกจากนี้ อัตราการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และตัวเลขการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสืบเนื่องจากมาตรการการเงินการคลังที่รัฐบาลจำเป็นต้องนำออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
[su_spacer]
นาย Paolo Gentiloni กรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่เท่ากัน และความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จะเร็วช้าต่างกันด้วย ขึ้นอยู่ว่าแต่ละประเทศจะออกจากมาตรการล็อกดาวน์ได้เมื่อไหร่ การพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด และสถานะทางการเงินก่อนวิกฤตเป็นอย่างไร ซึ่งความไม่เท่าเทียมกันนี้อาจส่งผลกระทบต่อระบบตลาดเดียวของอียูและยูโรโซนเป็นอย่างมาก เว้นแต่ประเทศสมาชิกจะหันหน้าเข้าหากันและหาทางออกร่วมกันในระดับอียู
[su_spacer]
นอกจากนี้ นาย Gentiloni กล่าวด้วยว่า วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้รุนแรงกว่าวิกฤตทางการเงินในยุโรปเมื่อปี 2009 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจหดตัว 4.5% และคาดว่าเศรษฐกิจอียูจะฟื้นตัวกลับขึ้นสู่ระดับก่อนโควิดได้อีกครั้งในปี 2565 อย่างเร็วที่สุด ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ได้แก่ กรีซ อิตาลี สเปน โครเอเชีย (และฝรั่งเศสในระดับรองลงมา) นอกจากนี้วิกฤตโควิดอาจทำให้ทัศนคติของประเทศต่าง ๆ ต่อห่วงโซ่มูลค่าโลก (global value chains) และความร่วมมือระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป และนำไปสู่การดำเนินนโยบายปกป้องทางการค้าเพิ่มขึ้นได้
[su_spacer]
รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจของอียูย้ำถึงความสำคัญที่ประเทศอียูจะต้องหาทางออกร่วมกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรป โดยคณะกรรมาธิการยุโรปกำลังจัดทำข้อเสนอสำหรับกรอบงบประมาณ 7 ปี (Multiannual Financial Framework) ของอียู และแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจอียูซึ่งเดิมกำหนดจะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะประเทศสมาชิกยังตกลงกันไม่ได้ว่าประเทศซึ่งได้รับผลกระทบหนักควรจะได้รับเงินช่วยเหลือในลักษณะเงินกู้ หรือเงินให้เปล่าในสัดส่วนมากน้อยเพียงใด
[su_spacer]
สอท. ณ กรุงบรัสเซลส์/คณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป