แนวโน้มเศรษฐกิจยูเออี
.
เศรษฐกิจของยูเออีขึ้นอยู่กับภาคอุตสาหกรรมหลักสำคัญ 2 ประเภท คือ เศรษฐกิจการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาคการค้าน้ำมันดิบ ซึ่งในระยะหลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวน และความต้องการที่ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด จากรายงานสถิติล่าสุดของยูเออีพบว่า ในปี 2564 เศรษฐกิจของยูเออีลดลงร้อยละ 6.1 อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการ และนโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐมีประสิทธิภาพและช่วยพยุงเศรษฐกิจของยูเออีให้ฝื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ
.
ปัจจัยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูเออี
.
1.1 การเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยรัฐบาลยูเออีให้ความสำคัญกับการฉีดวัดซีนให้แก่ประชาชนในประเทศอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจต่อประชาชน และภาคต่าง ๆ ให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการตามปกติ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ยูเออีได้ดำเนินการฉีดวัดซีนให้ประชากรไปแล้วร้อยละ 72.1 หรือประมาณกว่า 15.5 ล้านโดส
.
1.2 การจัดงาน World 2020 Expo Dubai ในเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งภาครัฐมีความคาดหวังในการจัดงาน World Expo 2020 Dubai Expo ซึ่งเป็นงานระดับโลกที่คาดว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของยูเออีให้กลับมาโตขึ้น รวมถึงเพิ่มอัตราการจ้างงานสำหรับประชากรในประเทศ
.
1.3 การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ โดยภาครัฐของยูเออีได้จัดสรรงบประมาณกว่า 3.4 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและพยุงเศรษฐกิจของยูเออีในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
.
1.4 การปฏิรูปกฎหมาย โดยรัฐบาลยูเออีได้ออกนโยบาย และแก้ไขกฎหมายหลายฉบับเพื่อดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาอาศัย และลงทุนในยูเออีเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยการแก้ไขกฎหมายที่ถือเป็น
.
การปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ได้แก่ การอนุญาตให้ชาย-หญิงสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องมีทะเบียนสมรส หรือมี ความเกี่ยวพันทางสายเลือด การอนุญาตให้บริโภคหรือครอบครองแอลกอฮอล์โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต และการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจและกิจการในยูเออีได้เต็มจำนวน โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วน (sponsor) เป็นชาวยูเออี การอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถขอสัญชาติยูเออี และไม่ต้องทิ้งสัญชาติเดิมได้ และการให้วีซ่าระยะยาวแก่ผู้เชี่ยวชาญ นักธุกิจ และนักลงทุนต่าง ๆ
.
แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงภายหลังโควิด
.
ยูเออีคาดว่าภายในปี 2565 เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตเป็นปกติจากแนวโน้มการใช้จ่ายภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งธนาคารกลางของยูเออีคาดว่า GDP จะขยายตัวร้อยละ 3.5 ในปี 2565 และจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิดภายในระยะเวลา 3 ปี โดยอุตสาหกรรมน้ำมันดิบมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่ง OPEC คาดว่าปริมาณความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการช่วยเศรษฐกิจของยูเออีซึ่งพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบเป็นหลัก
.
สุดท้ายนี้ รัฐบาลยูเออีได้ดำเนินนโยบายกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจไปยังอุตสาหกรรมในภาคส่วนอื่น ๆ เพิ่มขึ้น (diversification) และมุ่งเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดมากขึ้น ทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานนิวเคลียร์ โดยภายใน 3 ปี ข้างหน้า พลังงานไฟฟ้าของยูเออีกว่าร้อยละ 20 จะมาจากพลังงานสะอาดตามยุทธศาสตร์ Clean Energy 2050
.
โดยประเทศไทยเองได้เริ่มมีการหันมาพึ่งพาแนวทางที่ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อฟื้นฟูประเทศหลังจากวิกฤตโควิด-19 โดยอาจจะมีการลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างชาติลง และหันมาเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นทุนเดิม เช่น อาหาร เกษตร การแพทย์ เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศระยะยาว ผ่านนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG Economy Model) ต่อไปในภายภาคหน้า ดังนั้นผู้ประกอบการไทยในภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพข้างต้นอาจเลือกที่จะพิจารณาและปรับแนวทางให้สอดคล้องกับแนวโน้มของโลก เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงยุคหลังโควิด-19
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี