ธุรกิจนำเข้าและส่งออกของ EU กว่า 98% เป็นธุรกิจ SMEs ส่งผลให้ SMEs เป็นหนึ่งในกระดูกสันหลังของการค้าระหว่างประเทศที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้แก่ EU และการที่ EU ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้ European Green Deal โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยุโรปฉบับใหม่ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนา SMEs เพื่อความยั่งยืนและดิจิทัล (SME Strategy for a Sustainable and Digital Europe) ซึ่งกำหนดกลยุทธ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ SMEs ได้แก่
.
(1) การปรับเปลี่ยนสู่ความยั่งยืนและดิจิทัล เช่น ยกระดับเครือข่ายธุรกิจยุโรป (EEN) ในการเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจ SMEs ทั้งด้านการลงทุนและเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยให้บริการคำแนะนำและอบรมด้านดิจิทัลให้แก่ลูกจ้าง SMEs Digital Volunteer ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะและกลุ่มผู้มีประสบการณ์ในการแบ่งปันความรู้ทางด้านดิจิทัลให้แก่ธุรกิจ
.
(2) การปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการบริหารจัดการที่เป็นข้อจำกัดสำหรับธุรกิจ SMEs และพัฒนาการเข้าถึงตลาด เช่น บทบาทของ EU SME Envoy เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานระดับนโยบายของ EU กับหน่วยงาน SMEs ระดับประเทศสมาชิก ส่วนบทบาทในการส่งเสริมการเข้าถึงตลาดจะใช้ข้อบท SMEs ในการพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญา ลดขั้นตอนที่ซับซ้อนในการจดทะเบียน IP และปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการออกแบบอุตสาหกรรม
.
(3) พัฒนาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สนับสนุนการระดมทุนของ SMEs แก่ประชาชนทั่วไปโดยการเสนอขาย Initial Public Offering (IPO) ส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการ InvestEU กำหนดข้อริเริ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อรวบรวมเงินทุนจากทั้งสามภาคส่วนคือ EU ประเทศสมาชิก และภาคเอกชนเพื่อให้ SMEs และ Start-up มีพัฒนาการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ให้บริการประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะร่วมลงทุน (Due Diligence) ด้านเทคโนโลยีเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการลงทุนของ SMEs และ Start-ups
.
ด้านการดำเนินธุรกิจกับประเทศที่สาม
.
EU ส่งเสริมธุรกิจ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับคู่ค้าจากประเทศที่สามด้วยการแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีด้านธุรกิจและสนับสนุนเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ได้แก่ (1) เว็บไซต์ Access2Markets ที่รวบรวมข้อมูลการค้าแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ของ EU สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้า (FTA) ที่ EU จัดทำกับประเทศคู่ค้าทั้งที่เกี่ยวกับนโยบายการค้า ขั้นตอนและพิธีการศุลกากรสำหรับการส่งออกไปยังประเทศที่สาม (2) Chief Trade Enforcement Officer (CTEO) มีหน้าที่ในการควบคุมและปรับปรุงการปฏิบัติให้สอดคล้องตามความตกลง FTA ขจัดอุปสรรคทางการค้าที่มีต่อ SMEs และอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจของ EU เข้าถึงตลาดในประเทศที่สาม และ (3) ข้อบท SMEs ใน FTA มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการของ SMEs ไปยังประเทศที่สาม และลดทอนแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมโดยการใช้มาตรการเยียวยาทางการค้าเมื่อธุรกิจของ EU ได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากประเทศที่สาม นอกจากนี้ข้อบท SMEs ใน FTA ยังเป็นการผลักดันการเติบโตของธุรกิจ SMEs ในระดับสากลให้ได้รับประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่
.
ในปัจจุบันการจัดทำ FTA ของ EU กำหนดให้มีข้อบท SMEs ใน FTA เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร แคนาดา และตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (MERCOSUR) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ SMEs ต่อ EU ในการค้าโลก โดยเนื้อหาสาระของข้อบท SMEs มีความหลากหลายและแตกต่างกันออกไปในแต่ละ FTA เช่น FTA ญี่ปุ่น-EU กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายจัดทำเว็บไซต์ที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลภายใต้ความตกลง ได้แก่ ขั้นตอนและกฎระเบียบด้านศุลกากร กฎหมายด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ขั้นตอนการประเมินความสอดคล้อง (Conformity Assessment) มาตรการ SPS การจัดซื้อจัดจ้างโดยภาครัฐ และขั้นตอนการจดทะเบียนทางธุรกิจและภาษี ทั้งนี้เว็บไซต์จะสามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลอัตราภาษีศุลกากร มาตรการทางภาษี กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การคืนภาษี และการคืนเงินหรือยกเว้นภาษีศุลกากร นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์ติดต่อด้าน SMEs (SMEs Contact Point) ที่ร่วมมือกับระดับรัฐบาลของประเทศสมาชิกเพื่อให้ธุรกิจ SMEs ได้รับประโยชน์จาก FTA อย่างมีเสถียรภาพ
.
จากข้อมูลข้างต้น การผลักดันและส่งเสริมธุรกิจ SMEs ของ EU ให้เติบโตในระดับสากลถือเป็นเป้
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์