เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 Management Authority for Urban Railways (MAUR) นครโฮจิมินห์ ผู้ลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายแรกของนครโฮจิมินห์ได้ยื่นเอกสารรายงานต่อกรมการคมนาคมนครโฮจิมินห์ระบุว่า โครงการจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ล่าช้าจากกำหนดเดิมคือสิ้นปี 2564 โดยกรมคมนาคมนครโฮจิมินห์จะรายงานต่อที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าร้อยละ 87.5 และคาดว่าจะดำเนินการได้ถึงร้อยละ 91 ภายในปี 2564
.
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโครงการโดยเฉพาะด้านทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการลดจำนวนแรงงานในพื้นที่ก่อสร้างเนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้แรงงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ควบคุมเข้มงวดไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้ ตลอดจนข้อจำกัดการเดินทางระหว่างพื้นที่แพร่ระบาด และแม้ว่า MAUR จะแก้ปัญหาโดยให้แรงงานพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อสร้าง แต่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 จำนวนแรงงานในพื้นที่ก่อสร้างยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติจำนวนมากยังไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเวียดนามได้ ส่งผลกระทบต่อการความคืบหน้าของโครงการ โดยเฉพาะในชิ้นงานที่มีความซับซ้อน แม้ว่า MAUR จะพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การอำนวยความสะดวกผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในการเดินทางเข้าเมืองและกระบวนการสมัครใบอนุญาตทำงาน การทำงานออนไลน์จากที่พัก การให้แรงงานท้องถิ่นทำงานล่วงเวลา แต่ยังสามารถดำเนินงานแล้วเสร็จเพียงร้อยละ 82 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดในแผนการที่ร้อยละ 85 ทั้งนี้
.
นอกจากผลกระทบจาก COVID-19 แล้ว โครงการยังประสบอุปสรรคเชิงกฎหมายสืบเนื่องจากความล่าช้าในการดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตาม MAUR กำลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินพัฒนาการของโครงการใหม่ และเสนอให้ลดระยะเวลากักตัวผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ครบ 2 เข็ม และมีผลตรวจ COVID-19 เป็นลบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศเวียดนามของผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างโครงการด้วย โดยโครงการรถไฟฟ้านครโฮจิมินห์สายแรกนี้มีมูลค่ากว่า 43.7 ล้านล้านด่ง (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีระยะทาง 20 กิโลเมตร เส้นทางสถานีตลาด Ben Thanh เขต 1 ถึงสถานี Long Binh เมือง Thu Duc ประกอบด้วย สถานีใต้ดิน 3 สถานี และสถานียกระดับ 11 สถานี ทั้งนี้ โครงการได้รับอนุมัติเมื่อปี 2550 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2555
.
จะเห็นว่า ถึงแม้นครโฮจิมินห์จะประสบกับปัญหาที่ทำให้โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรกจากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ต้องเลื่อนออกไป แต่ในอนาคต หากนครโฮจิมินห์สามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าได้นั้นจะไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในโฮจิมินห์ แต่ยังจะสามารถดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้าได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจไปลงทุนในเวียดนาม สามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์บริเวณแนวรถไฟฟ้า เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจลงทุนต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสถานที่ตั้งของประเทศเวียดนามและไทยนั้นอยู่ใกล้เคียงกัน จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตนักท่องเที่ยวอาจไปเที่ยวนครโฮจิมินห์มากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจึงควรติดตามข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าการสร้างรถไฟฟ้าสายนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีต่อไป
.
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์