.
เนื่องจากสิงคโปร์เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา รัฐบาลสิงคโปร์จึงประกาศมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ [Phase 2 Heightened Alert – P2(HA)] ในไตรมาสที่ 2/2564 และเพิ่มความเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศ โดยในช่วงวันที่ 8 พฤษภาคม – 24 มิถุนายน 2564 ผู้เดินทางจากกลุ่มประเทศเสี่ยงสูง รวมถึงไทย ต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 21 วัน รวมถึงการเพิ่มความรัดกุมในการเดินทางเข้า-ออกท่าอากาศยานชางงี ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ไม่ได้ผลักดันเรื่องมาตรการเปิดประเทศ และการส่งเสริมการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศในไตรมาสที่ 2/2564 เท่าใดนัก โดยได้เลื่อนการมีผลบังคับใช้ของความตกลง ATB สิงคโปร์ – ฮ่องกง ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนความคืบหน้าที่สำคัญในด้านนี้อยู่ในกรอบอาเซียน คือ ความตกลง ASEAN Travel Corridor Arrangement Framework (ATCAF) และความตกลง ASEAN – EU Comprehensive Air Transport Agreement (AECATA)
.
การเร่งฉีดวัคซีนภายในประเทศ นำไปสู่การเปิดการเดินทางระหว่างประเทศแบบเป็นขั้นเป็นตอนและระมัดระวัง
.
ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสที่ 3/2564 สิงคโปร์มีอัตราการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและต่อเนื่อง โดยกระจายการฉีดวัคซีนแก่ประชากรในสิงคโปร์ ทั้งคนในชาติและคนต่างชาติในทุกช่วงอายุที่มากกว่า 12 ปี ทำให้จนถึงปัจจุบัน ประชากรสิงคโปร์มากกว่าร้อยละ 75 ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว
.
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS) ได้ประกาศนโยบายการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศอย่างเป็นขั้นตอน ได้แก่ (1) การเปิดช่องทางพิเศษสำหรับผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว (Vaccinated Travel Lane – VTL) โดยเป็นความตกลงทวิภาคีระหว่างสิงคโปร์ – เยอรมนี และสิงคโปร์ – บรูไน ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2564 และน่าจะขยายผลไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำอื่น ๆ และ (2) ยกเว้นการกักตัวแก่ผู้เดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ (unilateral shift)
.
มาตรการเปิดประเทศแบบ Risk-managed Approach ล่าสุดของสิงคโปร์ สะท้อนว่าสิงคโปร์จะระงับการดำเนินความตกลง RSL และ ATB กับประเทศและดินแดนต่างๆ แต่จะเริ่มใช้ความตกลง Vaccinated Travel Lanes (VTL) และมาตรการยกเว้นการกักตัวแก่กลุ่มประเทศและดินแดนที่มีความเสี่ยงต่ำแทน เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนที่สิงคโปร์รับรอง โดยตั้งเป้าหมายว่าการเปิดการเดินทางเข้าประเทศจะช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ภาคบริการ อาหาร และเครื่องดื่ม และการคมนาคมภายในประเทศ ซึ่งยังคงไม่ฟื้นตัวดังเช่นอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ ภาคการผลิตในปีนี้ รวมถึงช่วยส่งเสริมให้นักธุรกิจและนักลงทุนสามารถเดินทางมาเจรจาธุรกิจในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรษัทข้ามชาติจำนวนมาก
.
มาตรการบริหารความเสี่ยงในการเดินทางเข้าประเทศ
.
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 CAAS ได้ประกาศนโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและระมัดระวัง โดยแบ่งประเทศต้นทางออกเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งจะดำเนินมาตรการที่แตกต่างกัน และมีผลบังคับใช้ทันที ได้แก่
.
(1) กลุ่มที่ 1 ได้แก่ นิวซีแลนด์ จีน (ยกเว้นมณฑลเจียงซู) ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน โดยสิงคโปร์อนุญาตให้ผู้เดินทางระยะสั้น (นักท่องเที่ยว) เดินทางเข้าสิงคโปร์ได้ โดยสมัครขอ ATP และต้องตรวจ PCR ที่ท่าอากาศยานชางงีเมื่อเดินทางถึง
.
(2) กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา เยอรมัน จีน (เฉพาะมณฑลเจียงซู) โดยสิงคโปร์ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสิงคโปร์ แต่ลดการกักตัวของผู้มีบัตรพำนักระยะยาวเหลือเพียง 7 วันเมื่อเดินทางถึง โดนวสามารถเลือกที่พักเองได้ และไม่ต้องเข้ารับการตรวจ PCR Swab Test ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
.
(3) กลุ่มที่ 3 ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ญี่ปุ่น ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเกาหลี โดยยังไม่เปิดรับผู้เดินทางระยะสั้น และผู้มีบัตรพำนักระยะยาวจะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วันในสถานกักตัวของรัฐ หรือบ้านพักที่ลงทะเบียนไว้กับรัฐบาลสิงคโปร์ และตรวจ Antigen Rapiid Test (ART) ในวันที่ 3 7 และ 11 ของการกักตัว และจรวจ PCR Swab Test อีกครั้งในวันที่ 14 ของการกักตัว
.
(4) กลุ่มที่ 4 ได้แก่ ประเทศและดินแดนอื่นๆ ทั้งหมด รวมถึงประเทศไทย โดยมีมาตรการเช่นเดียวกับกลุ่มที่ 3 แต่จะต้องเข้ารับการกักตัวใน SDF ทุกกรณี
.
นอกจากนี้ ผู้เดินทางระยะสั้นและระยะยาวจากทุกประเทศและดินแดนจะต้องเข้ารับการตรวจ PCR Swab Test ที่ท่าอากาศยานชางงีทันทีที่เดินทางถึงสิงคโปร์
.
ความตกลงช่องทางผู้ได้รับวัคซีนแล้ว (NTL) ระหว่างสิงคโปร์กับเยอรมนี และบรูไน
.
ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ผู้เดินทางจากเยอรมนี และบรูไน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยจะต้องตรวจ PCR Swab Test จำนวน 4 ครั้ง ได้แก่
(1) ตรวจหาเชื้อภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทางเข้าสิงคโปร์
(2) ตรวจเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานชางงี
(3 – 4) การตรวจในวันที่ 3 และ 7 ของการพำนักในสิงคโปร์ ในสถานพยาบาล และคลินิกที่รัฐบาลสิงคโปร์กำหนด โดยต้องมีผลตรวจว่าไม่ติดเชื้อ COVID-19
.
นอกจากนี้ ผู้เดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer, Moderna หรือวัคซีนที่ WHO กำหนด ครบถ้วนแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ โดยไม่จำกัดวัตถุประสงค์ของการเดินทาง และไม่ต้องแจ้งแผนการเดินทางหรือผู้สนับสนุน ซึ่งต่างจาก RGL อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางจะต้องพำนักอยู่ในประเทศต้นทางต่อเนื่องกันอย่างน้อย 21 วันก่อนการเดินทางเข้าสิงคโปร์ และต้องเดินทางในเที่ยวบิน VTL ของสายการบินที่รัฐบาลกำหนดร่วมกัน ซึ่งปัจจุบัน ได้แก่ (1) Singapore Airlines (2) Lufthansa และ (3) Royal Brunei Airlines ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินตรงสำหรับ VTL โดยเฉพาะเท่านั้น
.
ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่ไม่ใช่คนชาติและ PR สิงคโปร์ จะต้องสมัครบัตรเดินทาง Vaccinated Travel Pass (VTP) ประกอบการเดินทางเข้าสิงคโปร์ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ในส่วนของผู้เดินทางระยะสั้นจะต้องซื้อประกันภัยการเดินทางความคุ้มครองขั้นต่ำ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และใช้งานแอปพลิเคชันติดตามตัว TraceTogether ตลอดการพำนักในสิงคโปร์สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนในสิงคโปร์ สามารถแสดงสถานะการฉีดวัคซีนในแอปพลิเคชัน HealthHub ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนนอกสิงคโปร์ สามารถแสดงต้นฉบับของเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน
.
การเปิดรับนักท่องเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊า
.
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 กระทรวงคมนาคมสิงคโปร์เผยแพร่ข่าวสารนิเทศ แจ้งว่า นาย S. Iswaran รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิงคโปร์ และนาย Edward Yau รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง เห็นพ้องร่วมกันว่าจะยุติการเจรจาความตกลง ATB เนื่องจากไม่สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน แม้ว่าฝ่ายฮ่องกงและมาเก๊าจะยังไม่ยกเว้นการกักตัวสำหรับผู้เดินทางจากสิงคโปร์ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว แต่สิงคโปร์ประสงค์จะเปิดรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากฮ่องกงและมาเก๊าเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงประกาศอนุญาตให้ผู้เดินทางระยะสั้นจากฮ่องกงหรือมาเก๊าที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป โดยเป็นมาตรการฝ่ายเดียว (Unilateral Lift)
.
ทั้งนี้ ผู้เดินทางระยะสั้นจะต้องพำนักอยู่ในฮ่องกงและมาเก๊า 21 วันก่อนเดินทาง และต้องสมัคร Air Travel Pass (ATP) เพื่อขอเดินทางเข้าสิงคโปร์ และเข้ารับการตรวจ PCR Swab Test ที่ท่าอากาศยานชางงี โดยจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากที่พักได้เมื่อผลตรวจเป็นลบ และตรวจ PCR อีกครั้งในวันที่ 7 ของการพำนักในสิงคโปร์ ทั้งนี้ฝ่ายสิงคโปร์คาดหวังว่า ฮ่องกง และมาเก๊า จะพิจารณาปรับมาตรการเข้าเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกผู้เดินทางจากสิงคโปร์ โดยไม่ต้องกักตัวต่อไปอีกด้วย โดนล่าสุด CAAS ได้เผยว่า ในช่วง 3 วันแรกของการเปิดรับสมัคร ATPs มีผู้ประสงค์เดินทางเข้าสิงคโปร์ จากฮ่องกงและมาเก๊า จำนวน 243 ราย โดยมาจากฮ่องกง 230 ราย และมาเก๊า 13 ราย
.
สำหรับนโยบายการเปิดประเทศของสิงคโปร์นี้ ชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เป็นไปในทางที่ดี และเป็นที่น่าจับตาในการลงทุนจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการลงทุนในสิงคโปร์ แต่ติดข้อจำกัดในการเดินทางออกนอกประเทศ สามารถศึกษาตลาดที่น่าสนใจของสิงคโปร์ โดยเฉพาะตลาด cross-border e-commerce และดิจิทัล ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ เช่น Shopee Lazada นั้น กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงทั้งในสิงคโปร์และไทย ผู้ประกอบการจึงอาจใช้โอกาสนี้เจาะตลาดลูกค้าชาวสิงคโปร์ โดยระบุข้อมูลสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ หรือจีน ซึ่งสินค้าประเภทอาหาร และแฟชั่นของไทยยังเป็นที่นิยมอย่างมากในสิงคโปร์ ดังนั้น การคำนึงถึงคุณภาพสินค้า อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และชอบทดลองสินค้าแปลกใหม่ ยังเป็นอีกข้อที่ชาวสิงคโปร์ให้ความใส่ใจอย่างมากอีกด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้ออกนโยบายการเป็นศูนย์กลาง e-commerce ของโลก โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในด้านต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษา หรือเงินสนับสนุน อันจะเป็นผลดีแก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการลงทุน นำเข้า หรือส่งออกจากสิงคโปร์ด้วย
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์