ในยุค IoT ที่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตคนเรามากขึ้น “รถยนต์ไร้คนขับ” (Self-Driving Car) เป็นอีกหนึ่งสิ่งสะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีพลังของเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
.
นวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมานานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง เนื่องจากปัจจัยเทคโนโลยีที่เป็นองค์ประกอบหลักยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ ณ วันนี้เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทำให้สิ่งที่ทุกคนจินตนาการเกี่ยวกับ “รถยนต์ไร้คนขับ” เกิดขึ้นจริงแล้วที่โรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
.
รถยนต์ไร้คนขับดังกล่าวเป็นรถยนต์ SUV รุ่น RS-5 สีดำ และรถยนต์ MPV รุ่น RM-5 สีขาว แบรนด์ Baojun ของค่ายรถยนต์ SGMW โดยกำหนดความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทาง 2.3 กิโลเมตร มีจุดแวะรับส่งผู้โดยสาร 9 จุด ตลอดเส้นทางใช้เวลา 12-15 นาที และในชั่วโมงเร่งด่วน (peak hour) ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่นั่งประจำรถไปด้วยเพื่อดูแลความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน
.
สำหรับผู้ใช้บริการรถยนต์ไร้คนขับ สามารถนัดใช้รถผ่านแอปพลิเคชัน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเส้นทางและจุดขึ้น-ลงรถ ซึ่งแอปพลิคชันจะแสดงตำแหน่งพิกัดและเส้นทางที่รถวิ่งแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งคำนวณเวลารอรถไว้ให้เบ็ดเสร็จ หลังจากที่ผู้ใช้บริการขึ้นและปิดประตูรถแล้ว 5 วินาที รถยนต์จะเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายปลายทางที่เลือกไว้ หลังจากที่ผู้โดยสารลงและปิดประตูรถถือเป็นการสิ้นสุดคำสั่งใช้งานในครั้งนี้
.
การทำงานของรถยนต์ไร้คนขับประกอบด้วยอุปกรณ์สำคัญ คือ วิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์ (Computer Vision) ที่เปรียบเสมือนดวงตาของรถยนต์ที่ช่วยให้รถสามารถรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ผ่านการใช้เทคโนโลยีจากกล้องถ่ายภาพรอบทิศทาง แสงเลเซอร์ และเรดาร์
.
นอกจากนี้ ยังต้องมีระบบนำทาง (Navigation) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรับข้อมูลเพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมต่าง ๆ แล้วนำมาประมวลผลที่หน่วยประมวลผลกลาง (Deep Learning) ด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ให้สั้นที่สุด เพื่อส่งคำสั่งต่อไปยังระบบควบคุมรถ (Robotic) ที่มีความแม่นยำ เพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอุปกรณ์ได้รับการออกแบบให้สวยงามและติดตั้งอยู่บนหลังคาและห้องสัมภาระท้ายรถยนต์
.
เป็นที่ทราบกันดีว่า เทคโนโลยี 5G กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมโลกปัจจุบัน บริษัท China Telecom สาขากว่างซี กำลังเร่งพัฒนาระบบโครงข่ายสัญญาณ 5G ไปพร้อมๆ กับการร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและภาคเอชนในหลากหลายสาขา เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีผ่านเครือข่าย 5G อาทิ อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งในอุตสาหกรรม (Industrial Internet of Things-IIoT) การผลิตอัจฉริยะ รถยนต์ไร้คนขับ การแพทย์อัจฉริยะ การศึกษาอัจฉริยะ การจราจรอัจฉริยะ การท่องเที่ยวอัจฉริยะ ท่าเรืออัจฉริยะ และสนามบินอัจฉริยะ
.
บริษัท China Telecom นับเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้กว่างซีก้าวสู่เป้าหมาย Digital Guangxi (รัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และเมืองอัจฉริยะ) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ แสดงความพร้อมในการพัฒนาความร่วมมือกับสถาบัน/องค์กรต่างๆ ในห่วงโซ่อุตสาหกรรม เพื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ 5G บิ๊กดาต้า อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IoT) บล็อกเชน และอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งในอุตสาหกรรม (IIoT) เข้าไปใช้ในธุรกิจ/อุตสาหกรรมสาขาต่างๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ด้วยตนเอง
.
ที่มา: https://thaibizchina.com/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82/
.
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง