UNCTAD เปิดตัว World Investment Report 2020 หัวข้อ “International Production Beyond the Pandemic” โดยสามารถดาวน์โหลดรายงานฯ ฉบับเต็มได้จากเว็บไซต์ https://unctad.org/en/pages/PublicationWebflyer.aspx?publicationid=2769 สรุปผลวิเคราะห์สำคัญ ดังนี้
[su_spacer]
1. ผลกระทบของ COVID-19 ต่อ FDI
-
- ภาพรวมระดับโลก (1) มูลค่า FDI ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 40% ในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งจะทำให้มูลค่า FDI ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ. 2005 (2) มูลค่า FDI จะลดลงเพิ่มอีก ประมาณ 5-10% ในปี ค.ศ. 2021 และเริ่มฟื้นตัวในปี ค.ศ. 2022 (3) Top 5,000 บริษัทข้ามชาติ (MNEs) ของโลกซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญต่อ global FDI ได้ปรับประมาณการรายได้ลงโดยเฉลี่ยประมาณ 40% ซึ่งรายได้ที่ลดลงจะส่งผลต่อ reinvested earnings ซึ่งคิดเป็น 50% ของมูลค่า FDI (4) Greenfield investment และ Mergers & Acquisitions (M&As) ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2020 ลดลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี ค.ศ. 2019
- ประเทศกำลังพัฒนา มีมูลค่า FDI ลดลงมากที่สุดเนื่องจาก ประเทศเหล่านี้เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับห่วงโซ่การผลิตของโลกและการสกัดทรัพยากรธรรมชาติ (extractive industries) ซึ่งได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากที่สุด และไม่มี capacity ในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกับ ประเทศพัฒนาแล้ว
- ระดับภูมิภาค (1) ยุโรปจะมีมูลค่า FDI ลดลงประมาณ 30-45% ซึ่งลดลงมากกว่าอเมริกาเหนือ ซึ่งมูลค่า FDI จะลดลงประมาณ 20-35% (2) แอฟริกามีมูลค่า FDI ลดลง 10% ในปี ค.ศ. 2019 และคาดว่าจะลดลง 25-40% ในปี ค.ศ. 2020 (3) กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ซึ่งมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับห่วงโซ่การผลิตของโลกสูงจะมีมูลค่า FDI ลดลงประมาณ 30-45% (4) อเมริกาใต้มีมูลค่า FDI เพิ่มขึ้น 10% ในปี ค.ศ. 2019 แต่ในปีนี้คาดว่าจะลดลงถึง 50% เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ปัญหาทางการเมือง และปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
[su_spacer]
2. ผลกระทบของ COVID-19 ต่อนโยบายด้านการลงทุน (1) มากกว่า 70 ประเทศ ได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน หรือปกป้อง strategic industries จากการ takeover โดยต่างชาติ (2) ประเทศส่วนใหญ่น่าจะเพิ่ม มาตรการกีดกันการลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข แต่จะแข่งขันในการดึงดูด FDI สำหรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจ (3) การปฏิรูป International Investment Agreements (IIAs) มีความสำคัญยิ่งขึ้นเนื่องจากหลายมาตรการในการต่อสู้กับ COVID-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจของบางประเทศ อาจขัดกับพันธกรณีใน IIAs ที่มีอยู่
[su_spacer]
3. แนวโน้มเกี่ยวกับ International production สถานการณ์ COVID-19 การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม สงครามทางการค้าระหว่างประเทศ และข้อบังคับการผลิตด้านสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยน international production ในทศวรรษนี้ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและพึ่งพาห่วงโซ่การผลิตสูง จะมีการผลิตที่กระจุกตัวมากยิ่งขึ้น และเปิดให้ประเทศกำลังพัฒนาเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตยากยิ่งขึ้น (2) อุตสาหกรรมด้าน services และการผลิตที่พึ่งพาห่วงโซ่การผลิตสูง จะมีฐานการผลิตที่กระจายตัวมากยิ่งขึ้น (ไม่กระจุกตัวในจีนที่เดียวอีกต่อไป) ซึ่งเป็นโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ได้เข้าร่วมห่วงโซ่การผลิต อย่างไรก็ตาม ห่วงโซ่การผลิตจะอยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ประเทศจะได้รับประโยชน์คือ ประเทศที่มีความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านดิจิทัล (3) ขั้นตอนตลอดห่วงโซการผลิต จะกระจุกอยู่ในภูมิภาคเดียวกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการลงทุนจะมีความสำคัญสูงขึ้น (4) อุตสาหกรรมที่ไม่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่การผลิตมาก จะย่นขั้นตอนของการผลิต โดยเน้นการออกแบบและการบริหารที่สำนักงานใหญ่ และตั้งโรงงานเพื่อผลิต final products ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกเพื่อการบริโภคในภูมิภาคนั้น ๆ ซึ่งจะลดการถ่ายโอนทางเทคโนโลยี
[su_spacer]
4. การลงทุนใน SDGs (1) เมื่อปี ค.ศ. 2014 UNCTAD ประเมินว่า ประเทศกำลังพัฒนาต้องได้รับการลงทุนเพิ่มเติมมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นประจำทุกปีเพื่อบรรลุ SDGs (2) การลงทุนใน SDGs มีพัฒนาการใน 6 SDGs sectors (จาก 10 SDGs sectors) ได้แก่ infrastructure, climate change mitigation, food and agriculture, health, telecommunication และ ecosystems and biodiversity อย่างไรก็ตาม พัฒนาการดังกล่าวยังต่ำกว่ามูลค่าการลงทุนที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องได้รับอยู่มาก (3) Sustainability funds ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีอัตราการเติบโตที่สูง โดยมีมูลค่าประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่การลงทุนเหล่านี้อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก และเน้นการลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียน (4) การระดมเงินทุนในลักษณะ social bonds โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของ capital markets ใน การสนับสนุนการบรรลุ SDGs ในประเทศกำลังพัฒนา และในช่วง 10 ปีข้างหน้าควรมี sustainability-themed products เพื่อสนับสนุนโครงการด้าน SDGs ในประเทศกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะใน LDCs (5) ถึงแม้ว่า 150 ประเทศ ได้บรรจุ SDGs ในแผนการพัฒนาประเทศแล้ว แต่มีเพียงไม่กี่ประเทศที่กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุน การลงทุนเพื่อ SDGs นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่จะเน้นด้านการคมนาคม นวัตกรรม และการเกษตร ในขณะที่ SDGs sectors สำคัญอื่น ๆ ยังไม่มีมาตรการส่งเสริมการลงทุน อาทิ health, water and sanitation, education และ climate change adaptation ดังนั้น จึงควรเน้นการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการบรรลุ SDGs ใน แผนการลงทุนระดับประเทศ และให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุนในแผนการดำเนินการเพื่อบรรลุ SDGs ของประเทศ
[su_spacer]