สำนักงานศุลกากรนครหนานหนิง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ประเทศจีนจะเริ่มดำเนินนโยบายปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้านำเข้า เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ภาคธุรกิจนำเข้าและผู้บริโภคในประเทศ [su_spacer size=”20″]
ภาษี VAT สินค้านำเข้าอัตราใหม่ลดลงจาก 16% และ 10% เหลือเพียง 13% สำหรับสินค้าแปรรูปทั่วไป และ 9% สำหรับสินค้าเกษตรที่ยังไม่แปรรูป โดยศุลกากรจีนคาดว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยลดภาระภาษีให้ภาคธุรกิจนำเข้าได้ราว 2.25 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ [su_spacer size=”20″]
นับเป็นความเคลื่อนไหวระลอกใหม่ของรัฐบาลจีนที่มุ่งสร้างบรรยากาศการค้าให้เกิดการแข่งขันอย่างยุติธรรมและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านนโยบายการปรับปรุงโครงสร้างภาษี หลังจากที่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เพิ่งปรับลดภาษี VAT จากเดิมที่ 17% และ 11% ลดลงเหลือ 16% และ 10% (ยกเว้นสาขาธุรกิจ (ส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์) ที่จัดเก็บอยู่ที่ 6% ยังคงอัตราเดิม) ตามลำดับ [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังบังคับใช้กับสินค้าปลีกที่นำเข้าจากการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามแดน (Cross-border e-Commerce – CBEC) ด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าการลด VAT ครั้งนี้จะช่วยลดภาระให้ผู้บริโภคลงได้ 1,350 ล้านหยวนในปีนี้ [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ การออกมาตรการลดภาษีระลอกนี้ของรัฐบาลจีนมีเป้าหมายสำคัญเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการค้าของภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อยเป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อยจะเป็นแรงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในอนาคตในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงซบเซาและเต็มไปด้วยระบบกีดกันทางการค้า รวมทั้งที่ผ่านมาภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อยยังเป็นตัวจักรสำคัญในการสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนจีนรวมถึงการกระตุ้นธุรกิจ Start up ด้วย นอกเหนือไปจากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง