เป็นที่ทราบกันดีว่า “ฮ่องกง” เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจลำดับต้นของเอเชีย โดยเฉพาะในด้านการค้า การเงิน และการลงทุน นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นเมืองชั้นนำในด้านการตลาดด้วย โดยฮ่องกงเป็นเมืองที่รวบรวมนักการตลาดมืออาชีพจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 2 แสนคน ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการตลาดในเอเชียและจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้เอง สภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council – HKTDC) จึงได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ “Marketing Pulse 2018” ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง โดยมีนาย Philip Yung ตำแหน่ง Permanent Secretary for Commerce and Economic Development ของฮ่องกง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และมีผู้เชี่ยวชาญในการสร้างตราสินค้า (Brand) การตลาด และการโฆษณากว่า 50 คน เช่น Muji จากญี่ปุ่น Lego จากสหรัฐอเมริกา MGM จากมาเก๊า และ JD.com จากจีน มาเป็นผู้ร่วมสัมมนา โดยบริษัทเหล่านี้เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ประสบความสําเร็จจากการทําการตลาดผ่านสื่อ Social Media และ Digital Marketing[su_spacer size=”20″]
การสัมมนาดังกล่าวมีประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็น ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้ โดยในวันนี้ ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ ขอหยิบยกข้อคิดที่น่าสนใจ ๓ เรื่อง จากการสัมมนาดังกล่าวมาแบ่งปันให้กับผู้อ่านดังนี้[su_spacer size=”20″]
ประเด็นแรกเป็นเรื่องของการสร้าง Brand ให้ประสบความสำเร็จ โดยผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้เน้นเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Relevancy ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องสร้าง content และ message ที่ถูกต้องในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้ผู้คนเกิดการจดจำและส่งต่อ (Share) ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ไปสู่สังคมวงกว้าง ซึ่งจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างผลิตภัณฑ์กับกลุ่มเป้าหมายได้ ดัวอย่างที่น่าสนใจซึ่งมีการกล่าวถึงก็คือ ผลิตภัณฑ์ Lego ที่ต้องการสร้าง Lego ให้เป็น Family Hero โดยเชื่อมโยงสินค้ากับลูกและพ่อซึ่งเป็นฮีโร่ของบ้าน ผ่านการออกแบบสินค้ากลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ที่ให้ลูกและพ่อได้ทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากนี้ Lego ยังได้สร้างแคมเปญ Kronkiwongi ซึ่งเป็นคำที่ไม่มีความหมายตามพจนานุกรม แต่เด็ก ๆ สามารถบรรยายความหมายของคำนี้ได้ผ่านเรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเอง ที่ถือเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ Lego[su_spacer size=”20″]
สำหรับในประเด็นที่สองเป็นเรื่อง การสร้างเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของ Brand โดยในปัจจุบัน มีสินค้ามากมายที่อยู่ในหมวดหมู่ประเภทสินค้าเดียวกัน ผู้ประกอบการจึงควรนำเสนอความเป็นตัวตนของ Brand และความจริงใจต่อลูกค้าที่เข้ากับ Brand Identity ของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ Brand เสื้อผ้าชั้นนำของอเมริกา Rebecca Minkoff ได้จัดแคมเปญ Minkoff in your style โดยใช้สื่อ Social Media อย่าง Instagram ที่ให้ลูกค้าสวมใส่ผลิตภัณฑ์ของ Minkoff แล้วถ่ายรูปแสดงความเป็นตัวตนเพื่อชิงรางวัลขวัญใจมวลชน นอกจากนี้ ยังริเริ่มนำ In-store virtual experience มาใช้กับการจำหน่ายเสื้อผ้า โดยสร้าง Virtual room ที่ลูกค้าสามารถเลือกเสื้อผ้าบนแอพลิเคชันเสมือนได้ทดลองสวมใส่จริง หลังจากได้แบบที่ถูกใจแล้ว ผลิตภัณฑ์จะถูกส่งไปยังห้องลองเสื้อผ้า และในขั้นตอนการชำระเงิน ลูกค้าก็สามารถเลือกชำระเงินแบบมีพนักงานรับชำระเงินหรือแบบผ่าน E-Payment ได้[su_spacer size=”20″]
ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องการใช้ Social Media จัดการการตลาด เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในปัจจุบันว่า พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากอิทธิพลของ Social Media ซึ่งกลายมาเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญของคนในยุคนี้ ดังนั้น การหา content และ right message จึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจะทำให้เกิดกระแสการส่งต่อผ่านการ Share ออกไปเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ กระแส E-Commerce และ E-Payment ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั่วโลก โดยคนท้องถิ่นนิยมซื้อของออนไลน์ และมักอ่านความคิดเห็นของผู้บริโภคอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ผู้ประกอบการจึงควรวางแผนการทำการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังอาจพิจารณาการใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยเจาะลึกไปถึงความเป็นตัวตน พฤติกรรม ความชอบ วิถีชีวิตของแต่ละคน ซึ่งจะทำให้สามารถทำการตลาดตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น และสามารถสื่อสารแนวทางการตลาดได้อย่างสร้างสรรค์และโดดเด่น[su_spacer size=”20″]