หนังสือพิมพ์ออนไลน์ท้องถิ่นของ เวียดนามเผยว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีการลงทุ นสูงสุดอันดับ 2 ในลาว ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในภาค การเกษตรและป่าไม้ และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เวียดนามเข้าไปลงทุนในลาวแล้วกว่ า 276 โครงการ ด้วยมูลค่าทุนดำเนินการสะสม 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 32.5 ของเงินลงทุนในลาว[su_spacer size=”20″]
ปัจจุบัน เวียดนามร่วมมือกับลาวพัฒนาความ เชื่อมโยงทางบก ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงกรุงฮานอย-นครหลว งเวียงจันทน์ (ความยาว 725 กิโลเมตร) และโครงการทางรถไฟเชื่อมโยงท่าเ รือหวุงอ่าง-เทือกเขาหมุ สะ (Mu Gia)-เมืองท่าแขก-นครหลวงเวียงจั นทน์ และหากความร่วมมือดังกล่าวสำเร็ จ ก็น่าจะทำให้เวี ยดนามและลาวกลายเป็นจุดยุ ทธศาสตร์และท่าเรือส่งออกสินค้ าที่สำคัญอีกแห่่งหนึ่งต่อไป[su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ตาม แม้นักลงทุนชาวเวียดนามจะได้รับ ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางการลง ทุนในลาว แต่ยังต้องเผชิญกับการกีดกันหลา ยประการ อาทิ 1) ความยากลำบากในการเข้าถึงข้อมูล และนโยบาย 2) การเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าและตลา ด และ 3) การบังคับใช้ใช้ กฎหมายและนโยบายต่อการลงทุ นระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน 4) ภาษาและวัฒนธรรม โดยผู้แทนทางธุรกิจเวียดนามจำนว นมากที่ลงทุนในลาวยอมรับว่า ไม่เข้าใจเกี่ยวกับพิธีการศุลกา กรและข้อห้ามต่าง ๆ ของลาว เป็นผลให้ประสิทธิภาพการผลิตลดล ง เกิดความเข้าใจผิด และความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้ น[su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ ยังมีการให้คำแนะนำต่อนักลงทุ นว่า จะต้องตระหนักถึงเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการลงทุนด้วย อาทิ การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน มีส่วนร่วมในกิจกรรมและวัฒนธรรม ท้องถิ่นเพื่อให้ได้รับการสนั บสนุนจากชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษา และการเคารพสิทธิการใช้ที่ดินขอ งชุมชนที่นักลงทุนควรให้ความสำคั ญ โดยในการแบ่งปันผลประโยชน์ร่ วมกันของนักลงทุนและชุมชนนี้ ไม่เพียงแต่ธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้ นที่สามารถแบ่งปันผลประโยชน์ได้ แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถแบ่ งปันผลประโยชน์ต่อชุมชนได้เช่ นกัน [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย