เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศลดระดับแนะนำการเดินทาง (travel advisory) ไปยัง 106 ประเทศ รวมถึงไทย จากเดิมระดับ 3 (แนะนำให้งดการเดินทาง) เป็นระดับ 2 (หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นและเร่งด่วน) โดยทางการญี่ปุ่นระบุว่าการลดระดับดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และอัตราการเสียชีวิตในหลายพื้นที่ทั่วโลกลดลง อีกทั้งความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตลดลงด้วยเช่นกัน แม้จะยังต้องติดตามสถานการณ์ระบาดอย่างต่อเนื่องก็ตาม
การลดระดับในครั้งนี้ นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมีอินโดนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา และมาเลเซีย ที่ได้รับการปรับระดับคำแนะนำลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม และลาว อยู่ระดับที่ 2 อยู่แล้ว
ปัจจัยในการพิจารณาลดระดับคำแนะนำในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ สถานการณ์ระบาดในพื้นที่ จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ การฉีดวัคซีน ความสามารถในการควบคุมโรค ระบบการแพทย์ และการใช้มาตรการควบคุมต่าง ๆ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น https://www.anzen.mofa.go.jp/info/pchazardspecificinfo_2022T038.html#ad-image-0
ในอีกด้านหนึ่ง ญี่ปุ่นยังคงมาตรเดิมในการคัดกรองการเดินทางเข้าญี่ปุ่น กล่าวคือ ยังไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยว เดินทางเข้าญี่ปุ่น ยกเว้นกลุ่มที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ นักการทูต ผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุ่นและครอบครัว ผู้เดินทางระยะสั้น (ต่ำกว่า 3 เดือน) เพื่อดำเนินธุรกิจและทำงาน ผู้ที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นใหม่เพื่อพำนักในญี่ปุ่นระยะยาว
จากการปรับลดละดับคำแนะนำของญี่ปุ่นดังกล่าว นับเป็นสัญญาณความหวังที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวและบริการของไทย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โรงแรม สปา ร้านอาหาร ในการเตรียมต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในอนาคต ทั้งนี้ จากข้อมูล ททท. พบว่า ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวไทยถึง 1.6 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยชื่นชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหาร รวมถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้อีกด้วย
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
เรียบเรียง: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์