เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงานโลก ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์ในไตรมาส 4 ปี 2565 อยู่ในภาวะซบเซา โดยสำนักงานเศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์ (State Secretariat for Economic Affairs: SECO) ประเมินว่าภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจปี 2565 ทั้งปีอยู่ที่ 2.1% ขณะที่ประมาณการเติบโตในปี 2566 จะยังเติบโตในอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1%
ในปี 2565 สวิสเซอร์แลนด์มีภาวะเงินเฟ้อ 2.8% (เดือน ส.ค. 2565 อยู่ที่ 3.5% สูงสุดในรอบ 30 ปี) ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ แต่ก็เป็นผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปีเดียวกันสูงขึ้นเป็น 2.8% ซึ่งสูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2536 ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.7% โดยรัฐบาลและธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ต่างพยายามรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมาธนาคารกลางได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 3 ครั้งเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ แต่จะยังไม่แทรกแซงการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ด้านตลาดแรงงานในปี 2565 ที่ผ่านมามีอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบ 20 ปี แต่กลับประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะสูง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น
SECO คาดการณ์ปี 2566 ของสวิตเซอร์แลนด์จะเติบโตต่ำที่ 1% บนสมมติฐานว่าประเทศจะไม่ขาดแคลนพลังงานในช่วงฤดูหนาวปี 2565/66 หรือ 2566/67 โดยภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันการเติบโตที่กระทบค่าครองชีพ การค้าระหว่างประเทศชะลอตัว
ข้อมูลเพิ่มเติมในบางอุตสาหกรรม
1. การท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 95% ของระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 และคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวเต็มที่ได้ในช่วงปี 2568-69
2. อุตสาหกรรมหนัก จักรกร ไฟฟ้า โลหะ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังเยอรมนีซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของการส่งออกทั้งหมด ชะลอตัวลงต่อเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์พลังงานเงินฟรังก์สวิสแข็งค่า
3. อุตสาหกรรมนาฬิกา จะเติบโตต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาตามแนวโน้มตลาดโลก โดยนาฬิกามูลค่าสูงได้กลายเป็นสินค้าเพื่อการลงทุน
4. เภสัชภัณฑ์และ biotech ซึ่งเป็นสาขาที่สวิสเซอร์แลนด์เชี่ยวชาญ ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ ราคาเภสัชภัณฑ์ที่ปรับสูง การเจรจาความตกลง Institutional Framework Agreement (InstA) กับ EU ซึ่งหยุดชะงักไปในปี 2564 จากประเด็นติดขัดเรื่องการเคลื่อนย้ายคนโดยเสรีบุคลากรวิทยาศาสตร์และนักวิจัย
5. ธุรกิจระหว่างประเทศ ได้รับแรงผลักดันให้ต้องปรับตัวเรื่องการทำธุรกิจกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิภบาล (ESG) โดยปี 2566 จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทขนาดใหญ่ต้องรายงานผลการดำเนินงานตามแนวทางทำธุรกิจที่มีความรับผิดชอบตามกฎหมายใหม่ของสวิสเซอร์แลนด์
สำหรับปี 2567 SECO คาดการณ์การเติบโตจะอยู่ที่ 1.6% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.5% และอัตราการว่างงานเฉลี่ยจะปรับเพิ่มไปอยู่ที่ 2.4% มีการแข่งขันสูงในตลาดแรงงานทักษะสูงสาขาสาธารณสุขและ IT ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากเท่ากับประเทศยุโรปอื่น ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
***********************************************************