งานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออกจีน (China Import and Export Fair) ครั้งที่ 133 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า งานแคนตันแฟร์ (Canton Fair) เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการพร้อมพิธีเปิดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่นครกว่างโจว นับเป็นการจัดงานแบบออฟไลน์อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกนับแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 การจัดงานครั้งนี้ได้ขยายพื้นที่รวมกว่า 1,500,000 ตารางเมตร พร้อมผู้ประกอบการกว่า 35,000 ราย และสินค้ากว่า 3,000,000 รายการ โดยมีผู้แทนบริษัทต่างชาติจาก 226 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และหน่วยงานด้านการค้ากว่า 47 แห่งยืนยันการเข้าร่วมเป็นผู้ซื้อ (buyers)
งานแคนตันแฟร์ที่จัดโดยกระทรวงพาณิชย์จีนและรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2500 ความสำเร็จในการจัดงานแคนตันแฟร์ กลายเป็น ‘บารอมิเตอร์’ ของภาวะเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญของจีนอีกด้วย
งานแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 133 นี้ แบ่งระยะการจัดแสดงสินค้าเป็น 3 เฟสด้วยกัน ได้แก่ เฟส 1 ( 15 – 19 เมษายน พ.ศ. 2566) ประกอบด้วย สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เครื่องจักร ยานยนต์และอุปกรณ์เสริม วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ให้ความสว่าง เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน เฟส 2 (ระหว่างวันที่ 23 – 27 เมษายน พ.ศ. 2566) ประกอบด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ของขวัญ และของตกแต่งบ้าน และเฟส 3 (ระหว่างวันที่ 1 – 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566) ประกอบด้วยสินค้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ รองเท้า ของใช้สำนักงาน กระเป๋าและผลิตภัณฑ์เพื่อการพักผ่อน อาหาร และยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
งานแคนตันแฟร์ครั้งนี้เพิ่มหมวดหมู่การจัดแสดงใหม่ 3 หมวด ได้แก่ (1) ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติและการผลิตอัจฉริยะ (2) พลังงานใหม่และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ และ (3) ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก พร้อมโซนการจัดแสดงใหม่ 3 โซน ได้แก่ (1) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart life) (2) อุปกรณ์ตรวจจับและป้องกัน และ (3) เศรษฐกิจสีเงิน (Silver economy หรือ เศรษฐกิจผู้สูงวัย)
งานแคนตันแฟร์นับเป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติซึ่งต้อนรับผู้เข้าร่วมจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในปีนี้ มีบริษัทจาก 40 ประเทศและภูมิภาคกว่า 500 รายเข้าร่วมในงานจัดแสดงสินค้านำเข้า ขณะที่พื้นที่จัดแสดงสินค้านำเข้าภายในงานเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึงร้อยละ 50
กระแสตอบรับต่อการจัดงานแคนตันแฟร์ในปีนี้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ร่วมออกบูธส่วนหนึ่งได้เผยถึงความตื่นเต้นที่ได้กลับเข้าร่วมงานแบบออฟไลน์อีกครั้งหลังจากเว้นว่างไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในด้านหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า สเกลการจัดงานที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับการจัดงานในอดีต กอปรกับความตื่นตัวของทั้งผู้ขาย (sellers) และผู้ซื้อ (buyers) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ นายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในพิธีเปิดผ่านระบบวิดีโอทางไกลว่า งานแคนตันแฟร์ครั้งนี้มีนัยสำคัญยิ่งต่อการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนกับต่างประเทศ รวมทั้งมีบทบาทในการส่งเสริมการฟื้นตัวและการพัฒนาของเศรษฐกิจและการค้าโลก
แหล่งรวมผู้ค้าจากทั่วแดนมังกร
กรมพาณิชย์มณฑลกวางตุ้งเผยข้อมูลสถิติงานแคนตันแฟร์ครั้งที่ 133 ระบุว่า เฟสที่ 1 มีจำนวนผู้เข้าชมงาน 1.26 ล้านคน มียอดการค้า 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เฟสที่ 2 มีผู้เข้าชม 815,000 คน และมียอดมูลค่าการส่งออกมากกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้ประกอบการจากทั่วทุกภูมิภาคของจีนต่างเดินทางมายังนครกว่างโจวเพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้า หลังว่างเว้นจากการร่วมงานแบบออฟไลน์มานานกว่า 3 ปี ในโอกาสนี้ ผู้ผลิตชาวจีนจากมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซู มณฑลซานตง และมณฑลฝูเจี้ยน ต่างแสดงทัศนคติเชิงบวกต่อโอกาสทางธุรกิจในปัจจุบันมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งหวังว่าการติดต่อปฏิสัมพันธ์แบบพบหน้าจริงกับลูกค้าต่างชาติจะช่วยให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น
ในปีนี้ เมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียงมีผู้ขาย (sellers) เข้าร่วมกว่า 670 บริษัท จับจองพื้นที่ในงานกว่า 1,553 บูธ นับเป็นสถิติสูงสุดทั้งในด้านจำนวนบริษัทที่เข้าร่วมและจำนวนบูธ ด้านเมืองหนิงโปแหล่งอุตสาหกรรมอีกแห่งในมณฑลเจ้อเจียงมีผู้ขาย (sellers) เข้าร่วมจัดแสดงสูงกว่า 1,300 พร้อมจำนวนบูธกว่า 3,700 บูธ ขณะที่ เมืองซูโจวซึ่งเป็นเมืองส่งออกหลักของมณฑลเจียงซู ก็ประกาศว่าจะมีบริษัทกว่า 414 รายเข้าร่วมแสดงสินค้า ผู้ประกอบการจากเมืองเวินโจวรายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า งานแคนตันแฟร์เป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมการค้ากับต่างประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญ และหวังว่าจะสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายยิ่งขึ้นผ่านแพลตฟอร์มงานแคนตันแฟร์
เทรนด์สินค้าอัจฉริยะและสินค้าสีเขียว
หนึ่งในสินค้าที่มียอดสั่งซื้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง คงหนีไม่พ้นสินค้าเทคโนโลยีอัจฉริยะและสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปีนี้ งานแคนตันแฟร์ได้เพิ่มพื้นที่จัดแสดงเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด อันรวมไปถึงพื้นที่จัดแสดงสินค้าประเภทนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น สินค้าในอุตสาหกรรมอัตโนมัติและการผลิตอัจฉริยะ สินค้าด้านพลังงานใหม่และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ โดยสินค้าประเภทโดรนอัตโนมัติ เช่น โดรนบรรทุกผู้โดยสาร โดรนดับเพลิง โดรนบรรทุกสินค้า และเครื่องใช้ในครัวเรือนอัจฉริยะ เช่น ไมโครเวฟที่สามารถเตรียมอาหารล่วงหน้าผ่าน QR Code ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก
ในด้านสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พบว่าบริษัท Midea ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของจีน มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ในครัวเรือนอื่น ๆ ขณะเดียวกัน หากสำรวจสินค้าใหม่ที่จัดแสดงผ่านช่องทางออนไลน์ 800,000 รายการ จะพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำมากกว่า 500,000 รายการ สะท้อนความสนใจที่เพิ่มสูงขึ้นต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการ
เห็นได้ว่า งานแคนตันแฟร์ ซึ่งอยู่คู่การค้าจีนมาตั้งแต่ปี 2500 จะยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องบ่งชี้ทิศทางและสถานการณ์ของพัฒนาการอุตสาหกรรมจีนต่อไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ใช้ ‘แรงงานเข้มข้น’ กำลังเร่งเครื่องเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของตนเองให้เป็นดิจิทัลเพื่อผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีและมีมูลค่าสูง ซึ่งความพยายามดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นผ่านสินค้าที่นำมาจัดแสดงภายในงาน ทั้งนี้ งานแคนตันแฟร์ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ตุลาคม) ของทุกปีจะเป็นโชว์รูมอันมหึมาที่จัดแสดงเทรนสินค้าใหม่ ๆ ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทำธุรกิจไม่ควรพลาด
ข้อมูล : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว