เมื่อ 4 – 6 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นาย Winfried Kretschmann นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ประเทศเยอรมนี ได้เดินทางเยือนสเปนเพื่อกระชับการเป็นหุ้นส่วนด้านการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานร่วมกัน โดยได้ลงนามในประกาศเจตนารมณ์ร่วมด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน โดยเฉพาะความร่วมมือพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวกับรัฐ Andalucia ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ติดชายฝั่งทางด้านใต้ของสเปน ทำให้สามารถผลิตพลังงานลมและแสงอาทิตย์มากกว่ารัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์คถึง 2 เท่า ซึ่งเหมาะกับการเป็นผู้ส่งออกไฮโดรเจนสีเขียว
ทั้งนี้ สเปนได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นมหาอํานาจด้านไฮโดรเจน โดยมี บริษัท Enagas บริษัทผลิตพลังงานและโครงข่ายท่อส่งก๊าซของสเปน เป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันเป้าหมายดังกล่าว คาดว่าจะสามารถผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้ถึง 3 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ซึ่ง 43% จะถูกใช้บริโภคภายในประเทศ และส่วนที่เหลือจะส่งออกผ่านท่อส่งก๊าซ H2MED ไปยังประเทศอื่นยุโรป
นอกจากนี้ เมื่อ 12 ต.ค. 2566 บริษัท Lhyfe บริษัทผลิตไฮโดรเจนสีเขียวสําหรับการคมนาคมและอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส ที่มีโรงงานผลิตไฮโดรเจนสีเขียวกระจายตัวอยู่ในกว่า 11 ประเทศทั่วยุโรป ล่าสุดได้ประกาศสร้างโรงงานผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ที่เมือง Schwäbisch Gmûnd ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Stuttgart 55 กิโลเมตร คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2567 และจะสามารถผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้ถึง 4 ตันต่อวัน หรือประมาณ 1,000 ตัน ต่อปี
โดยในช่วงแรก ไฮโดรเจนที่ผลิตได้จะถูกใช้บริโภคในเขตอุตสาหกรรม H2-Aspen และสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนของบริษัท JET H2 Energy เป็นหลัก และในปีต่อไปจะส่งออกกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วเยอรมนี ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์คและสหภาพยุโรป โดย European Regional Development Fund (ERDF) ได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 6.4 ล้านยูโร
ที่มา : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก