กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ชาวแคนาดานิยมบริโภคในชีวิตประจำวันมากที่สุด จากข้อมูล National Coffee Data รายงานว่า ชาวแคนาดา 7 ใน 10 ราย ดื่มกาแฟอย่างน้อย 1 แก้วต่อวัน และการเติบโตของตลาดกาแฟโดยรวมยังคงที่แม้ในห้วงการระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พฤติกรรมการบริโภคกาแฟได้ปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตการทำงาน รายได้ และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของวัตถุดิบมากขึ้น
บริษัทวิจัยตลาด NDP Group เผยข้อมูลว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคอย่างน้อย 1 ใน 3 รายซื้อเครื่องชงกาแฟติดบ้านไว้ และ 25% ของผู้มีเครื่องชงกาแฟจะชงกาแฟนำติดตัวไปนอกบ้าน โดยรสชาติกาแฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้บริโภคชาวแคนาดา คือ กาแฟสด ตามด้วยกาแฟรสชาติพิเศษต่าง ๆ (specialty) หรือกาแฟเย็น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ชื่นชอบมากถึง 62% รองลงมาคือกลุ่ม Millennials (50%) และกลุ่ม Baby Boomers (30%)
แม้ความชื่นชอบกาแฟของชาวแคนาดายังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาวะเงินเฟ้อทำให้ “ราคา” เป็นปัจจัย
ในการเลือกซื้อกาแฟมากขึ้น โดยพบว่า ตลาดกาแฟแบบ mass merchant ในห้างค้าปลีกขยายตัวมากขึ้นเพราะมีราคาย่อมเยา พร้อม ๆ กับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์กาแฟที่เป็นสินค้าตราห้าง (Private Label) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 16% ของผลิตภัณฑ์กาแฟทั้งหมด ขณะที่ชาวแคนาดา 1 ใน 3 จะเลือกผลิตภัณฑ์กาแฟแคปซูลเพราะความสะดวกในการบริโภค
โอกาสและความท้าทาย
ความท้าทายต่อธุรกิจกาแฟในแคนาดามีหลากหลายด้าน โดยด้านวัตถุดิบประสบปัญหาสภาพภูมิอากาศแปรปรวนตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบันที่ทำให้แหล่งปลูกกาแฟ เช่น บราซิล เวียดนาม ให้ผลผลิตลดลง ประกอบกับภาวะขาดแคลนแรงงานในภาคขนส่ง ทำให้ราคาเมล็ดกาแฟปรับสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ด้านฝั่งผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นแบบ hybrid มากขึ้นโดยเป็นผลโดยตรงจากวิถีชีวิตในห้วงการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนลูกค้าหน้าร้านลดลง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านกาแฟ
อย่างไรก็ดี แม้ชาวแคนาดาจะปรับรูปแบบการบริโภคมากขึ้น แต่ยังคงสรรหากาแฟรสชาติดีเช่นเดิม
โดยให้ความสำคัญเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตั้งแต่กระบวนการปลูก การผลิต บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
จึงเป็นช่องทางที่มีความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดกาแฟแคนาดา ซึ่งนอกเหนือจากการ
มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว การมีจุดขายว่าเป็นสินค้าทางการเกษตรที่มีกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ก็น่าจะช่วยเปิดโอกาสให้กาแฟจากไทยเข้าสู่ตลาดแคนาดาได้ง่ายขึ้น
**********************
ที่มา: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์
เรียบเรียง: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
อ้างอิง:
https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/RegionalEconomy/DocLib14/Coffee_Final_020620.pdf