เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความเจริญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยดูได้จากการจัดอันดับโลก ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณภาพชีวิต ขีดความสามารถในการแข่งขัน ความสมดุลระหว่างชีวิตและการ ทำงาน ระบบสวัสดิการ หรือความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เดนมาร์กซึ่งเป็นประเทศเล็กแต่มีความเจริญอยู่ในแนวหน้าของโลกก็คือ “คุณภาพของประชากร” ซึ่งวางรากฐานการพัฒนามาตั้งแต่วัยเด็ก ภายใต้ระบบการศึกษาที่เข้มแข็งและเปิดกว้างให้เด็กได้เล่นได้ใช้จินตนาการและความคิดได้อย่างอิสระเสรี ทำให้เด็กสนุกกับเรียนรู้และมีความสุขตามวัยของเด็กที่ควรจะได้รับในช่วงต้นของชีวิตและเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพในทุกช่วงวัยด้วยระบบการศึกษาที่ได้รับการออกแบบที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านการศึกษาของเดนมาร์กที่น่าเรียนรู้
เดนมาร์กให้ความสำคัญกับครอบครัว ประชากร และการศึกษาที่มีคุณภาพสูง โดยมีปรัชญาการศึกษา คือ การเรียนรู้ของมนุษย์จากประสบการณ์ที่สนุกและเพลิดเพลิน การจัดการศึกษาเด็กเล็กจึงเน้นใน ด้าน play & learn สำหรับเด็กโตก็ยังคงเน้น play & learn แต่ใส่ภาคทฤษฎีเข้าไปด้วย โรงเรียนในเดนมาร์ก ตั้งเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนว่าผู้เรียนจะต้องมี 6C ได้แก่ Character of Education/ Citizenship/ Collaboration/ Communication/ Critical Thinking/ Creativity โรงเรียนจะปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณลักษณะดังกล่าวด้วยการออกแบบกิจกรรมเรียนปนเล่น ใช้การเล่นหล่อหลอมให้เด็กรู้จักตนเอง มีความคิด สร้างสรรค์สูง กล้าแสดงความคิดเห็น มีความกระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันเป็นทีม ปลูกฝัง จิตสำนึกรู้หน้าที่ของตน มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมและอยู่ร่วมกันบนฐานของการไว้ใจซึ่งกันและกัน (Trust-Based Society)
PlayLab ห้องทดลองฝึกครูพันธุ์ใหม่
เดนมาร์กมีสถานฝึกครูซึ่งเรียกว่า PlayLab ในหลายเมือง เพื่อให้ครูได้คิดนอกกรอบโดยใช้ หลักการ “Play and Learn” ที่มุ่งเปลี่ยนความคิดครูที่สอนแบบดั้งเดิม โดยจัดให้ครูได้มีประสบการณ์ตรงจากการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของเด็กที่สนุกกับการเล่นและออกแบบแผนการสอนโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Play Wheel ที่กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และทดลองจนเข้าใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังไปพร้อมกัน
ครูเดนมาร์กไม่ใช่เพียงผู้สอน แต่มีบทบาทสำคัญ 2 ประการคือ 1) การสร้างสถานการณ์ หรือให้โจทย์เพื่อพัฒนานักเรียนตามคุณลักษณะและสมรรถนะที่ต้องการ โดยการฝึกครูให้คิดนอกกรอบด้วย PlayLab ปรับ mindset ที่ใส่ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเด็กลงไปและร่วมตั้งโจทย์ตั้งคำถามที่เรียนรู้ไปพร้อมกับเด็ก สู่การหาข้อมูลคิดวิเคราะห์และหาทางออกหรือคำตอบในที่สุด และ 2) ติดตามดูพัฒนาการของนักเรียนแต่ละคนและประเมินตามศักยภาพรายบุคคลแทนการทดสอบมาตรฐาน และให้ feedback เพื่อให้นักเรียนพัฒนาต่อโดยทำงานร่วมกับผู้ปกครอง
Experimentarium ในกรุงโคเปนเฮเกน เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วยเครื่องเล่นทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการออกแบบให้เป็นห้องปฏิบัติการทดลองขนาดใหญ่ที่จำลองเครื่องเล่นสำหรับเด็กมาจากของจริงในศาสตร์ทุกแขนงที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมีการใช้จิตวิทยาแห่งการเรียนรู้เพื่อดึงดูดให้เด็กมีความกระหายใคร่รู้ โดยเด็กจะได้มีประสบการณ์เล่นจากของจริงโดยการสัมผัส ควบคุมและเล่นจริงทำจริงโดยใช้มือ และสมอง และแก้ไขปัญหาจากการสังเกตจนเกิดความจำและเข้าใจด้วยตนเอง
โรงเรียน Folk High School มีอยู่ 6 แห่งทั่วประเทศเดนมาร์ก เปิดสอนหลักสูตรด้าน ศิลปะใน 4 สาขา ได้แก่ การแสดง ดนตรี ภาพยนตร์และภาวะผู้นำ ระยะสั้น 6 เดือน แบบโรงเรียนประจำ รับนักเรียนปีละประมาณ 80 คน ที่จบชั้นมัธยมปลายและกำลังจะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย (gap year) เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาค้นหาตนเองและเตรียมเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ หนึ่งในโรงเรียน Folk High School คือ Roskilde Festival Folk High School ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Roskilde โดยมุ่งให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเตรียมงาน “Roskilde Festival” ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตประจำปีของเมือง Roskilde ที่ใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาคนอร์ดิกและเป็นหนึ่งในงานคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แนวทางของหลักสูตรทำให้นักเรียนได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงของการจัดการเทศกาลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถทุกด้านที่ต้องอาศัยการวางแผน การจัดการ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น การแบ่งงานกันทำ การแบ่งความรับผิดชอบ ภาวะผู้นำ การฝึกความเป็นประชาธิปไตยจากการที่ต้องอยู่ ร่วมกันกว่า 6 เดือน และการสร้างสรรค์งานทางศิลปะแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานเทศกาลดนตรีเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายโดยมีอาจารย์ให้ความรู้ที่ต้องการใช้ในการจัดงานและอาจารย์ก็จะทำงานร่วมกับนักเรียนไปด้วย โดยโรงเรียนได้รับการสนับสนุนงบประมาณที่มาจากรายได้การจัดงาน Roskilde Festival
Folk High School ถือเป็นนวัตกรรมการเรียนการสอนของเดนมาร์กในการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนผ่านการเรียนรู้และลงมือ ปฏิบัติจากสถานการณ์จริง ซึ่งช่วยสร้างวุฒิภาวะให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยหรือระดับการศึกษาที่สูงขึ้น
โรงเรียนจัดการศึกษานานาชาติที่ใช้โปรแกรม International Baccalaureate (IB) ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา มีความโดดเด่นด้านสถานที่ตั้งที่ยื่นไปในทะเลมีน้ำล้อมรอบ เป็นอาคารที่ใช้พลังงาน แสงอาทิตย์ ภายในมีการออกแบบและจัดสภาพแวดล้อมที่มุ่งให้ทุกพื้นที่ของโรงเรียนเป็นพื้นที่เรียนรู้ มีพื้นที่เปิดหลากหลายให้นักเรียนในวัยต่างๆ ได้เล่น ได้จับกลุ่มทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดได้อย่างอิสระ เช่น การมี rooftop bar อยู่บนพื้นที่ดาดฟ้าของโรงเรียน มีโซฟาในบรรยายที่ผ่อนคลายที่จะช่วยให้นักเรียนได้จับกลุ่มแลกเปลี่ยนความเห็นและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ หรือการฝึกหัดให้เด็กได้ใช้ความสังเกตและเรียนรู้กิจกรรม เคลื่อนไหวต่างๆ จากสภาพแวดล้อมรอบตัวและโรงเรียน อาทิ การใช้ประโยชน์จากท่าเรือที่มองเห็นได้จาก อาคารเรียน ครูจะนำเด็กนักเรียนมาสังเกตกิจกรรมของท่าเรือและตั้งคำถามหลากหลายให้เด็กได้คิดและหาคำตอบซึ่งทำให้เด็กสนุกกับการเรียน
ตามเขตชุมชนต่างๆ ของเดนมาร์กจะมีศูนย์วัฒนธรรมซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในพื้นที่ของสำนักงานเขตที่คนในชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีการจัดแบ่งพื้นที่ ประกอบด้วย open space ที่ใช้งานได้หลากหลาย maker space ที่มีเครื่องมือสื่อและอุปกรณ์การฝึกอาชีพ พร้อมอาสาสมัครผู้สอน เช่น ห้องกลุ่มงานฝีมือถักนิตติ้ง กลุ่มสอนการบ้านเด็ก กลุ่มเย็บถุงผ้าทำจากเสื้อผ้าเก่า ของตนเองเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มสอนซ่อมจักรยาน reading space เป็นส่วนของห้องสมุดที่สะดวกสบายซึ่งมีหนังสือตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงผู้สูงวัย โดยรัฐเป็นผู้จัดหาหนังสือที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนนั้นๆ learning space และ working space มีห้องประชุม ห้องนำเสนองาน พร้อมคอมพิวเตอร์ให้ใช้งาน ห้องสำหรับการแสดง และร้านอาหารโดยแม่บ้านที่อยู่ในชุมชน แนวคิดของศูนย์ฯ มุ่งนำคนในชุมชนมารู้จักและพบปะกันและทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดเครือข่ายของชุมชนและความไว้วางใจกันในลักษณะของ trust-based community ที่สำคัญ สามารถเปลี่ยนจาก people talk about people เป็น people talk to people เสริมสร้างความรู้สึกการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและให้สมาชิกชุมชนช่วยเหลือกันตามความถนัดที่แต่ละคนมี เป็นการจัดการให้อุปสงค์และอุปทานได้มาเจอกันเองในชุมชน ลดความแตกต่าง และความเหลื่อมล้ำของคนให้สามารถรู้จักกัน พูดคุยกัน เป็นเพื่อนกัน และช่วยให้ปัญหาอาชญากรรมในชุมชน ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เดนมาร์กยังสร้างศูนย์วิจัยและบ่มเพาะ อย่างเช่น Cortex Park ที่สนับสนุนการเรียนรู้ การสร้างนวัตกรรม และการผลิตผลงานเพื่อให้ตั้งตัวเป็นบริษัทและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ Cortex Park เมือง Odense เป็นความร่วมมือระหว่าง University of Southern Denmark (SDU) กับ UCL University College มียุทธศาสตร์ที่จะทำให้เมือง Odense เป็นศูนย์กลางของการศึกษาค้นคว้าวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าของยุโรป มีการทำงานร่วมกัน 4 ฝ่าย คือฝ่ายหาทุนวิจัยให้กับนักศึกษาที่นำเสนอโครงการวิจัยกับบริษัทที่สนใจและให้ทุนบ่มเพาะนักศึกษาด้วยโจทย์วิจัยด้านการแพทย์โดยจัดพื้นที่ทำงานให้ใน Cortex Park ฝ่ายเอกชนผู้ประกอบการในการ pitching งานของกลุ่ม startup เพื่อนำไปต่อยอดทางการตลาด ฝ่ายสนับสนุนงานนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์ทางการแพทย์ และฝ่ายมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลโดยมีเป้าหมายสู่การเป็น super hospital และศูนย์การแพทย์ระดับโลกที่มี อุปกรณ์ทันสมัยและหุ่นยนต์ทางการแพทย์ครบวงจร กล่าวได้ว่า Cortex Park กระตุ้นให้เกิดงานนวัตกรรม ทางการแพทย์และเป็นศูนย์บ่มเพาะนักวิจัยไปสู่การพัฒนาผลงานให้ใช้ได้จริงในทางเศรษฐกิจ
บทสรุป : การพัฒนาคนต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก!
นวัตกรรมการศึกษาของเดนมาร์ก คือ การคิดนอกกรอบ ยกแนวคิดการเรียนในห้องเรียน ออกไป และใช้แนวคิดการ ‘เรียนปนเล่น’ นักเรียนทำกิจกรรมไปพร้อมกับครูเพื่อฝึกทักษะชีวิตให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้เองจากการสังเกตและคิดวิเคราะห์ในทุกสถานการณ์และธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ขณะเดียวกันก็ได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะและค่านิยมร่วมจากการลงมือทำไม่ใช่การท่องจำ เด็กเกิดความเข้าใจด้วยประสบการณ์ตรงและนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไป ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันทีบทบาทครูไม่ใช่เพียงผู้สอนแต่เป็นผู้ที่ต้องเล่นและเรียนรู้ไปกับเด็กเดนมาร์ก ใช้นวัตกรรมการฝึกครูด้วยการดึงความรู้สึกของการเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ครูเข้าใจเด็กได้อย่างถ่องแท้และออกแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของเด็กการลงทุนด้านการศึกษาของเดนมาร์กนั้นเรียกได้ว่า ‘เก็บตกทุกคนทุกวัย’ ตั้งแต่วัยเด็กในโรงเรียนที่เน้นการเรียนรู้จากการเล่น เข้าสู่วัยเข้ามหาวิทยาลัยที่มีการเตรียมพร้อมทางวุฒิภาวะในช่วง gap year เมื่อเข้าสู่วัยทำงานยังมีศูนย์บ่มเพาะให้คนสร้างสรรค์นวัตกรรม จนถึงวัยเกษียณที่มีศูนย์วัฒนธรรมชุมชน มีอาสาสมัครให้การแนะนำและห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้เดนมาร์กจึงเป็นสังคมที่มีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะมีการสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาให้ทุกที่ทุกหนแห่งเป็นแหล่งของ ‘การเรียนรู้ไป ตลอดชีวิต’ โดยมีทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามาช่วยกันลงขันไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ อาสาสมัคร และมูลนิธิของบริษัทเอกชนต่าง ๆ ที่คืนกำไรให้สังคมด้วยการให้ทุนสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ ถือเป็นการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนก่อนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และ นำคุณภาพของคนมาเป็นตัวขับเคลื่อนความเจริญทางเศรษฐกิจจนทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่สามารถส่งออกเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูงไปได้ทั่วโลก
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
อ้างอิงรูปภาพ :
- https://www.archdaily.com/976626/viby-library-and-culture-house-christensen-and-co-architects-plus-primus-arkitekter/62055bf744baf7016571b9bc-viby-library-and-culture-house-christensen-and-co-architects-plus-primus-arkitekter-photo
- https://www.experimentarium.dk/en/
- https://www.dailyscandinavian.com/experimentarium-city-copenhagen-re-opened/
- https://www.huettinger.de/en/reference/new/experimentarium