เขตทดลองการค้าเสรีของมหานครเซี่ยงไฮ้เป็นความริเริ่มทางยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีน ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนในการปฏิรูปและเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ [su_spacer size=”20″]
ในโอกาสครบรอบ 5 ปี ของการก่อตั้งเขตทดลองการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2556 ประธานาธิบดีสีฯ ย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีแห่งนี้ ให้มีรูปแบบการค้าเสรีที่นำโดยนวัตกรรม และหลีกเลี่ยงการค้ารูปแบบดั้งเดิมที่อาจมีปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยได้มีการนำเสนอ “new norm” ของการค้าการลงทุน เช่น สำหรับภาคการลงทุน ได้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุน โดยประกาศใช้ Negative List หรือรายการสาขาธุรกิจต้องห้าม 100 กว่ารายการ โดยสาขาธุรกิจที่ไม่ได้ระบุใน Negative List บริษัทต่างชาติสามารถลงทุนได้อย่างเสรี ด้านการค้า มีการจัดการแยกประเภทของสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกรวดเร็วในการจัดการสินค้า ใช้ระบบ “Frontier Opening, Second-tier Effective and Efficient Control” ทำให้สินค้าผ่านเข้าออกด่านได้เร็วขึ้น ลดต้นทุนการขนส่งของบริษัท และมาตรการอื่น ๆ เช่น “Enter First, Declare Later” และ “Self-transportation” ด้านการเงิน มีการจัดตั้งระบบ Free Trade Account เพื่อบริหารจัดการเงินหยวนและเงินตราต่างประเทศ [su_spacer size=”20″]
การพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีในระยะแรก หรือในระดับ 1.0 นั้น เริ่มจากการปฏิรูประบบการอำนวยความสะดวกให้กับการลงทุนจากต่างชาติ และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ส่วนการพัฒนาในระยะ 2.0 เน้นที่ระบบการควบคุมและตรวจสอบ รวมถึงการบริหารจัดการแบบมีธรรมาภิบาล หลังจากที่ได้มีการขยายพื้นที่เขตการค้าเสรี จาก 28 ตารางกิโลเมตร เป็น 120 ตารางกิโลเมตร ปี 2560 เป็นการพัฒนาในระดับ 3.0 คือการเปิดกว้างภาคการเงินการธนาคารเพิ่มมากขึ้น [su_spacer size=”20″]
5 ปีหลังการจัดตั้ง รัฐบาลจีนพอใจกับผลงานของเขตทดลองการค้าเสรีนี้ โดยเห็นว่า มีการพัฒนามาตรฐานการอำนวยความสะดวกด้านการค้าในระดับสูงขึ้น สามารถลดช่องว่างระหว่างกฎเกณฑ์การค้าสากล นอกจากนี้ ยังเป็นผู้บุกเบิกการใช้ negative list ในการส่งเสริมการค้าการลงทุนแบบครอบคลุมทั่วประเทศ ปฏิรูประบบธุรกรรม จัดตั้ง “single window” เป็นช่องทางดำเนินการด้านศุลกากรที่สะดวกรวดเร็ว [su_spacer size=”20″]
ในปี 2560 มีเงินทุนใน 3 พื้นที่แรกของเขตทดลองการค้าเสรีนี้ สูงถึง 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 18.1% จากปีก่อนหน้า ในกลางปี 2561 มีบริษัทจดทะเบียนใหม่มากกว่า 5 หมื่นรายชื่อ มีสัดส่วนบริษัทต่างชาติมาลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 20% เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบรรษัทข้ามชาติกว่า 250 บรรษัท มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้า 6.08 ล้านล้านหยวน หรือ 885 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงเดือนมกราคม – กันยายนสูงถึง 5.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความเติบโตด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับผลประกอบการแบบรายปี และมีสัดส่วนการลงทุนจากต่างประเทศโดยรวมของเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.9 โดยหลักมาจากกลยุทธ์บุกเบิกอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ อินเทอร์เน็ต ชีวการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การผลิตระดับสูง และ Internet of Things (IoT) [su_spacer size=”20″]
ประธานาธิบดีสีเห็นว่า รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ยังคงต้องเดินหน้าพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีนี้ต่อไป ในขณะเดียวกันก็ควรให้มณฑลอื่น ๆ เรียนรู้และนำแบบอย่างที่ประสบความสำเร็จของเซี่ยงไฮ้เป็นแนวทางไปปรับใช้ นอกจากนี้ ยังเห็นว่า เขตทดลองการค้าเสรีสอดคล้องและส่งเสริมนโยบาย Belt and Road Initiative ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างพื้นที่ตอนในของประเทศกับพื้นที่ชายฝั่ง ในการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ของการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ [su_spacer size=”20″]
เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของผู้นำประเทศ นายหลี่ เฉียง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ได้เยือนเขตทดลองการค้าเสรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา และให้การบ้านผู้บริหารนครเซี่ยงไฮ้ ให้พัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ [su_spacer size=”20″]
จากนี้เป็นต้นไป การพัฒนาจะเข้าสู่ระยะ 4.0 โดยจะมุ่งเน้นการเปิดกว้างในสาขาสำคัญ ได้แก่ โทรคมนาคม วัฒนธรรม การศึกษา การบริการทางการแพทย์ รวมทั้งการพัฒนาเรื่องนวัตกรรมทางสถาบัน (institutional innovation) หรือกติกาแบบใหม่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว ซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่านวัตกรรมทางเทคโนโลยี [su_spacer size=”20″]
ในด้านการปฏิรูปภาคการเงิน การสร้างระบบบัญชีการค้าเสรีเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมการแปลงบัญชีทุนและการเปิดกว้างตลาดการเงิน ภายใต้ระบบบัญชีการค้าเสรีนี้ ผู้ประกอบการและสถาบันการเงินสามารถแลกเปลี่ยนเงินหยวนผ่านบัญชีทุนได้เป็นอิสระมากขึ้น (capital account) ซึ่งจีนได้พยายามลดการควบคุมการไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ จนถึงเดือนเมษายนของปี 2561 สถาบันการเงินในเซี่ยงไฮ้ได้เปิดบัญชีการค้าเสรีกว่า 71,000 บัญชี ผู้ประกอบการสามารถรับการสนับสนุนทางการเงินถึง 1.2 ล้านล้านหยวน ทั้งสกุลเงินหยวนและสกุลเงินต่างประเทศจากบัญชีการค้าเสรีนี้ ในอนาคต จะมีการใช้รูปแบบบัญชีการค้าเสรีเช่นนี้กับภูมิภาคเขตลุ่มน้ำแยงซีทั้งหมดด้วย [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้